สุโขทัย - สมาคมชาวไร่หนุนโรงงานยาสูบเสนอ คสช. นำงบภาษีบาปที่เคยจ่ายให้ สสส.-ไทยพีบีเอส ปีละ 3-4 พันล้าน เข้าระบบสร้างวินัยการคลัง
นายสมนึก ยิ้มปิ่น ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ.สุโขทัย เปิดเผยว่า สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.สุโขทัย และ จ.เพชรบูรณ์ สนับสนุนข้อเสนอโรงงานยาสูบ ในการนำเงินจากภาษียาสูบที่ส่งให้กองทุนสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รวมปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบงบประมาณที่มีการตรวจสอบ เพื่อการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เพราะกองทุนนอกงบประมาณแบบนี้ผิดหลักวินัยทางการคลัง การจัดสรรเงินต่างๆ ควรผ่านระบบ และความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นภาษีของประชาชนผู้บริโภค
“ไม่เข้าใจว่าทำไม สสส. จะต้องออกมาโจมตีข้อเสนอของโรงงานยาสูบ ทั้งที่เป็นการเสนอเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินอุดหนุน ไม่ใช่งดการส่งรายได้ให้ ซึ่งถ้าองค์กรมีความโปร่งใสตามที่กล่าวอ้าง และมีการตรวจสอบอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล”
โดยปัจจุบัน สสส.ได้รับรายได้จากภาษีบาปปีละ 2% ส่วนสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ปีละ 1.5% รายได้ที่ สสส.ได้รับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2547-2556 มีตัวเลขมากถึง 28,133.58 ล้านบาท
ด้าน นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า นอกจากกองทุน สสส. และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแล้ว ยังมีอีก 3 กองทุน ที่กำลังรอออกกฎหมายเพื่อขอจัดตั้ง คือ กองทุนจากกระทรวงการศึกษาธิการ กองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว และกองทุนการกีฬา ซึ่งจะขอเก็บภาษีบาปอีก 2% หรือปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท
นายสงกรานต์ บอกว่า ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะส่งผลให้เม็ดเงินในกองทุนนอกระบบสูงขึ้นไปอีก เป็นหลักหมื่นล้านบาทต่อปี หาก สสส. และองค์กรอื่นๆ อ้างเหตุผลเดียวกันว่า กลัวไม่ได้งบประมาณตามปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษให้แก่ตัวเอง ประเทศชาติก็จะลำบาก ข้อเสนอของโรงงานยาสูบจึงมีเหตุผลที่ทาง คสช. และกระทรวงการคลัง ควรนำมาพิจารณาปฏิรูปกองทุนต่างๆ
นายสมนึก ยิ้มปิ่น ผู้จัดการสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ.สุโขทัย เปิดเผยว่า สมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.สุโขทัย และ จ.เพชรบูรณ์ สนับสนุนข้อเสนอโรงงานยาสูบ ในการนำเงินจากภาษียาสูบที่ส่งให้กองทุนสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รวมปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบงบประมาณที่มีการตรวจสอบ เพื่อการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เพราะกองทุนนอกงบประมาณแบบนี้ผิดหลักวินัยทางการคลัง การจัดสรรเงินต่างๆ ควรผ่านระบบ และความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นภาษีของประชาชนผู้บริโภค
“ไม่เข้าใจว่าทำไม สสส. จะต้องออกมาโจมตีข้อเสนอของโรงงานยาสูบ ทั้งที่เป็นการเสนอเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินอุดหนุน ไม่ใช่งดการส่งรายได้ให้ ซึ่งถ้าองค์กรมีความโปร่งใสตามที่กล่าวอ้าง และมีการตรวจสอบอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล”
โดยปัจจุบัน สสส.ได้รับรายได้จากภาษีบาปปีละ 2% ส่วนสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้ปีละ 1.5% รายได้ที่ สสส.ได้รับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2547-2556 มีตัวเลขมากถึง 28,133.58 ล้านบาท
ด้าน นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า นอกจากกองทุน สสส. และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแล้ว ยังมีอีก 3 กองทุน ที่กำลังรอออกกฎหมายเพื่อขอจัดตั้ง คือ กองทุนจากกระทรวงการศึกษาธิการ กองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว และกองทุนการกีฬา ซึ่งจะขอเก็บภาษีบาปอีก 2% หรือปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท
นายสงกรานต์ บอกว่า ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะส่งผลให้เม็ดเงินในกองทุนนอกระบบสูงขึ้นไปอีก เป็นหลักหมื่นล้านบาทต่อปี หาก สสส. และองค์กรอื่นๆ อ้างเหตุผลเดียวกันว่า กลัวไม่ได้งบประมาณตามปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษให้แก่ตัวเอง ประเทศชาติก็จะลำบาก ข้อเสนอของโรงงานยาสูบจึงมีเหตุผลที่ทาง คสช. และกระทรวงการคลัง ควรนำมาพิจารณาปฏิรูปกองทุนต่างๆ