พะเยา - พะเยาเตรียมผุด “กองทุนกล้าไม้พื้นบ้าน” เล็งปลูกสร้างรายได้ทดแทน “ข้าวโพด” เผยชงเรื่อง คสช. นำเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาที่ทำกินไร้ เอกสารสิทธิ
นายอัครา พรหมเผ่า รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา ในฐานะประธานกลุ่มฮักบ้านเกิดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้หารือร่วมกับแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดพะเยา เช่น เครือข่ายอนุรักษ์และพัฒนาป่าต้นน้ำกว๊านพะเยา กลุ่มผู้นำสตรีระดับตำบล รวมถึงกลุ่มเยาวชน เห็นร่วมกันว่าควรดำเนินการจัดตั้งกองทุนกล้าไม้พื้นบ้านขึ้น
โดยเริ่มต้นจากผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกสมัครใจมาร่วมกิจกรรมในการทำงานเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตั้งกลุ่มขึ้นมาเพียงชื่อเท่านั้น แต่มีการทำกิจกรรม และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ด้วยการศึกษาดูงานพื้นที่ตัวอย่างจากจังหวัดในภาคเหนือที่มีบริบทพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดพะเยา โดยเป้าหมายคือ การนำกล้าไม้พื้นบ้านที่มีอยู่ในชุมชน เช่น มะขามป้อม มะเก๋น ผักชงโค (ผักเสี้ยว) ขี้เหล็ก มะไฟ มะเฟือง ฯลฯ รวมทั้งพืชล้มลุกพื้นบ้านด้วย นำมาปลูกทดแทนพื้นที่ข้าวโพด หรือพืชที่มีมูลค่าต่ำทางเศรษฐกิจในอนาคต
รองนายก อบจ.พะเยา กล่าวต่อว่า แผนงานกิจกรรมของกองทุนฯ เมื่อจัดทำเป็นรูปธรรมแล้ว จะมีการนำเสนอถึง ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเบื้องต้นทางคณะทำงานกองทุนฯ ได้หารือกับ ดร.รอยบุญ ในระดับหนึ่ง ซึ่งทาง ดร.รอยบุญ ได้รับทราบ และจะนำเรื่องการดำเนินการของกองทุนฯ เข้าไปหารือต่อทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อใช้เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาด้านพื้นที่ทำกินที่ไม่มีเอกสารสิทธิของเกษตรกรในจังหวัดพะเยาต่อไป
“พื้นที่นำร่องที่ทางกองทุนฯ มีความสนใจจะนำเป็นพื้นที่ร่วมกิจกรรมช่วงแรก แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลัก คือ 1.เครือข่ายภาคประชาชน 13 สายน้ำสาขากว๊านพะเยา และ 2.พื้นที่ปลูกข้าวโพดใน อ.ปง จ.พะเยา ทำควบคู่กับแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ และพลิกฟื้นพืชราคาถูกให้เป็นพืชที่มีมูลค่าด้านเศรษฐกิจ นำไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายอัครา กล่าว
นายอัครา พรหมเผ่า รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา ในฐานะประธานกลุ่มฮักบ้านเกิดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้หารือร่วมกับแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดพะเยา เช่น เครือข่ายอนุรักษ์และพัฒนาป่าต้นน้ำกว๊านพะเยา กลุ่มผู้นำสตรีระดับตำบล รวมถึงกลุ่มเยาวชน เห็นร่วมกันว่าควรดำเนินการจัดตั้งกองทุนกล้าไม้พื้นบ้านขึ้น
โดยเริ่มต้นจากผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกสมัครใจมาร่วมกิจกรรมในการทำงานเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่การตั้งกลุ่มขึ้นมาเพียงชื่อเท่านั้น แต่มีการทำกิจกรรม และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ด้วยการศึกษาดูงานพื้นที่ตัวอย่างจากจังหวัดในภาคเหนือที่มีบริบทพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดพะเยา โดยเป้าหมายคือ การนำกล้าไม้พื้นบ้านที่มีอยู่ในชุมชน เช่น มะขามป้อม มะเก๋น ผักชงโค (ผักเสี้ยว) ขี้เหล็ก มะไฟ มะเฟือง ฯลฯ รวมทั้งพืชล้มลุกพื้นบ้านด้วย นำมาปลูกทดแทนพื้นที่ข้าวโพด หรือพืชที่มีมูลค่าต่ำทางเศรษฐกิจในอนาคต
รองนายก อบจ.พะเยา กล่าวต่อว่า แผนงานกิจกรรมของกองทุนฯ เมื่อจัดทำเป็นรูปธรรมแล้ว จะมีการนำเสนอถึง ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเบื้องต้นทางคณะทำงานกองทุนฯ ได้หารือกับ ดร.รอยบุญ ในระดับหนึ่ง ซึ่งทาง ดร.รอยบุญ ได้รับทราบ และจะนำเรื่องการดำเนินการของกองทุนฯ เข้าไปหารือต่อทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อใช้เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะสร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาด้านพื้นที่ทำกินที่ไม่มีเอกสารสิทธิของเกษตรกรในจังหวัดพะเยาต่อไป
“พื้นที่นำร่องที่ทางกองทุนฯ มีความสนใจจะนำเป็นพื้นที่ร่วมกิจกรรมช่วงแรก แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลัก คือ 1.เครือข่ายภาคประชาชน 13 สายน้ำสาขากว๊านพะเยา และ 2.พื้นที่ปลูกข้าวโพดใน อ.ปง จ.พะเยา ทำควบคู่กับแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ และพลิกฟื้นพืชราคาถูกให้เป็นพืชที่มีมูลค่าด้านเศรษฐกิจ นำไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายอัครา กล่าว