บุรีรัมย์ -บริษัทเจ้าของโครงการเห็ดล้านก้อนไถ่ถอนชีวิตโค-กระบือ ฉาว แจงทำเป็นรูปแบบเอกชนเพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน และไม่ใช่โครงการพระราชดำริตามที่สมาชิกบางส่วนเข้าใจ และไม่ใช่โครงการหลอกลวงประชาชน ปัจจุบันขยายไปแล้ว 12 จังหวัด ตั้งเป้าจังหวัดละ 4,000 คน เงินลงทุนกว่า 1,440 ล้าน เผยทำเฉพาะกลุ่มสมาชิกที่ยอมเสี่ยงร่วมกับบริษัท และไม่ยืนยันจะสำเร็จหรือไม่
วันนี้ (19 ก.ย.) นายดิษฐานนท์ เตชานนทกฤต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ออกมาชี้แจงต่อประธานกลุ่มระดับจังหวัด และสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการเห็ดล้านก้อน ไถ่ถอนชีวิตโค-กระบือ 12 จังหวัด ที่สำนักงานไอ.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 114/6-7 หมู่ที่ 4 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีภาคอีสาน 11 จังหวัด และจังหวัดนครสวรรค์ ภาคเหนือตอนล่างอีก 1 จังหวัด และต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวไม่ใช่โครงการหลวง หรือโครงการในพระราชดำริ อีกทั้งไม่มีส่วนราชการใดเข้ามาเกี่ยวข้องตามที่มีสมาชิก และหลายฝ่ายเข้าใจที่เกิดจากกระแสข่าว รวมทั้งการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และไม่ใช่โครงการที่ทำขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน ซึ่งค้านกับการบอกเล่าของสมาชิกหลายคนในพื้นที่ก่อนหน้านี้
พร้อมอ้างว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องของบริษัทเอกชนที่จัดทำขึ้น เพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน สร้างรายได้ ปลุกจิตสำนึกการออมให้แก่ประชาชน ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 8 เดือน อยู่ใน 12 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11
จังหวัด และจังหวัดนครสวรรค์ ภาคเหนือตอนล่างอีก 1 จังหวัด มีเป้าหมายสมาชิกจังหวัดละ 4,000 คน รวม 48,000 คน
สำหรับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกทุกคนจะต้องจ่ายค่าสมัครแรกเข้ารายละ 350 บาท และเงินออมเดือนละ 100 บาท ต่อเนื่อง 1 ปี ตามเงื่อนไขของบริษัท เพื่อแลกกับการลงทุนของบริษัท จากนั้นจะจัดสร้างโรงเรือน และให้ก้อนเชื้อเห็ดรายละ 2,000 ก้อน เป็น 2 ระยะๆ ละ 1,000 ก้อน รวมมูลค่า 30,000 บาท หากครบทุกรายทางบริษัทต้องจ่ายเงินลงทุนสร้างโรงเรือน และค่าก้อนเชื้อเห็ดสูงกว่า 1,440 ล้านบาท
โดยอ้างว่าทุนในการดำเนินการมีนักธุรกิจ และภาคเอกชนบริจาคสนับสนุน และรับว่าโครงการดังกล่าวทำเฉพาะกลุ่ม ผู้สมัครเป็นผู้ยอมรับความเสี่ยงกับทางบริษัท ไม่ได้ทำกับคนทั้งประเทศเพราะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าในอนาคตโครงการจะประสบผลสำเร็จหรือไม่
ส่วนการรับเงินสมัครแรกเข้า และเงินออมของสมาชิก มีเอกสารหลักฐานในการรับเงิน ซึ่งค้านกับที่สมาชิกหลายคนบอกว่าไม่มีหลักฐาน หรือใบเสร็จการรับเงินแต่อย่างใด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานใบเสร็จที่นำออกมาแสดงนั้นไม่มีลายมือชื่อของผู้จ่ายเงิน มีเพียงลายเซ็นของผู้รับเงินเท่านั้น
นายดิษฐานนท์ ยงชี้แจงอีกว่า จากกรณีที่สมาชิกได้รับงบการสร้างโรงเรือนและก้อนเห็ดล่าช้าเนื่องจากที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ทำให้เกิดชะลอของโครงการ ทางบริษัทไม่ได้หลอกลวง และขณะนี้ได้มีการสร้างโรงผลิตก้อนเชื้อเห็ดที่ จ.บุรีรัมย์แล้ว 1 แห่ง ส่วนจังหวัดอื่นจะทยอยจัดส่งเครื่องผลิตก้อนเห็ดลงไปให้ครบทุกจังหวัด
ขณะนี้ได้จัดส่งก้อนเห็ดไปให้สมาชิกแล้วจังหวัดละ 10,000 ก้อน หากเทียบกับอัตราส่วนจะมีสมาชิกได้รับก้อนเห็ดแล้วจังหวัดละ 10 ราย จากสมาชิกจังหวัดละ 4,000 ราย ทั้งขณะนี้ทางบริษัทได้มีการจัดทำบัตรเอทีเอ็ม ให้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อนำไปใช้ในการทำธุรกรรมจ่ายเงินในโครงการ อยู่ระหว่างรอรับบัตรจากธนาคารกสิกรไทย คาดว่าจะได้รับในเร็วๆ นี้
ส่วนกรณีการโยกย้ายโอนเงินจากหลายจังหวัดมารวมที่ จ.บุรีรัมย์ เพียงแห่งเดียว เพื่อต้องการรวมสมาชิกให้มาอยู่ในศูนย์เดียวเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการบริหารจัดการ และง่ายต่อการตรวจสอบกรณีที่ประธานแต่ละจังหวัดจะโอนเงินเข้ามายังบริษัท
ทั้งเป็นการแสดงศักยภาพของกลุ่มว่ามีกระบวนการออมที่เหนียวแน่น และมีเงินตั้งต้นให้สถาบันการเงินเกิดความเชื่อถือกรณีที่กลุ่มขาดสภาพคล่อง อาจจะมีการยื่นขอสินเชื่อในฐานะคณะกรรมการกองทุน เพื่อที่ธนาคารจะได้ปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มนำไปใช้ดำเนินโครงการให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยไม่หวังพึ่งเงินบริจาคเพียงอย่างเดียว