เขมรแห่จองเข้าค้าขายใน “ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ” จ่อเปิดเดินรถศรีสะเกษ-เสียมราฐ

ศรีสะเกษ- พ่อค้าแม่ค้าเขมรกว่า 200 รายแห่จองพื้นที่เข้าค้าขายใน “ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ” ชายแดนไทย-กัมพูชาคึกคัก เตรียมขยายถนนเป็น 4 เลนรองรับการขนส่งสินค้า พร้อมเปิดเส้นทางเดินรถ ศรีสะเกษ-เสียมราฐ ที่ตั้งนครวัด นครธม รับ AEC

วันนี้ (16 ก.ย.) นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวถึงการย้ายตลาดช่องสะงำจากที่เดิมซึ่งอยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ มาอยู่ที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ ห่างจากจุดเดิมเข้ามาในเขตแดนไทยประมาณ 2 กิโลเมตร (กม.) ว่า การดำเนินการย้ายตลาดช่องสะงำเข้ามายังตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำเพื่อเป็นการจัดระบบในด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติด อาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เข้ามาในเขตแดนไทย

ล่าสุดได้ทำการย้ายตลาดพร้อมพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยจำนวน 120 รายเข้ามาอยู่ที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันได้มีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา จำนวน 200-300 รายเข้ามาขอลงทะเบียนเพื่อเข้ามาค้าขายที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำในเขตแดนไทยอีกด้วย ทำให้บรรยากาศการค้าขายเป็นไปอย่างคึกคักมาก

นายสุริยะกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทาง จ.ศรีสะเกษร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำลังวางแผนในการพัฒนาเมืองใหม่ช่องสะงำในทุกด้าน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการขนส่งสินค้า หากการจราจรหนาแน่นจะมีการขยายเส้นทางเป็นถนน 4 ช่องจราจรในอนาคตต่อไป

รวมทั้งจะมีการเปิดเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางจาก จ.ศรีสะเกษ ไปยัง จ.เสียมราฐ กัมพูชา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและกัมพูชา ทั้งนี้ จากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ไปยัง จ.เสียมราฐ ที่ตั้งของนครวัด นครธม ของกัมพูชา มีระยะทางเพียง 135 กิโลเมตร (กม.) และใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้นเพราะเป็นถนนลาดยางตลอดสายแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับรองประธานหอการค้า จ.สระแก้ว เจ้าของตลาดโรงเกลือ เพื่อให้มาลงทุนเปิดตลาดโรงเกลือ 2 หรือตลาดโรงเกลือศรีสะเกษ ที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ โดยขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถเปิดเป็นตลาดโรงเกลือศรีสะเกษเพื่อจำหน่ายสินค้ามือสอง รวมทั้งสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ได้ประมาณช่วงเดือน ม.ค. 2558

นายสุริยะกล่าวอีกว่า การย้ายตลาดช่องสะงำมาอยู่ที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำนี้ทำให้เกิดความสะดวกในด้านการจัดระบบต่างๆ ทั้งด้านการให้บริการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา และการรักษาความสะอาด อีกทั้งมีส่วนราชการต่างๆ จัดสร้างขึ้นมาไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อให้บริการประชาชน

ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และตำรวจ สภ.ภูสิงห์ รวมทั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ภูสิงห์ ได้เข้ามารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณช่องสะงำไม่เคยมีการปะทะกันโดยใช้อาวุธ มีเพียงปัญหาด้านเขตแดนเท่านั้น แต่สามารถเจรจาตกลงกันได้

“ดังนั้น ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำจึงจะเป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาได้เป็นอย่างดีต่อไป” นายสุริยะกล่าว