พบ ร.ร.ต้องสงสัยโฟนเซ็กซ์แลกเกรด ชี้เคยตั้ง กก.สอบแต่ไร้เงาโจทก์และจำเลย

อุบลราชธานี-ผอ.โรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี แจงคลิปเสียงที่ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติฯ นำมาสืบหาตัวเจ้าของเสียงเคยพบเผยแพร่ในโรงเรียนเมื่อ 3 ปีก่อน หลังสอบสวนตามบัตรสนเท่ห์ไม่สามารถยืนยันเจ้าของเสียงทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง จึงยุติเรื่องไว้ แต่หากมีหลักฐานใหม่ยืนยันได้ ยินดีให้สังคมตรวจสอบเพื่อความกระจ่าง

สืบเนื่องจาก นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อให้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อครูผู้ชายในจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรณีมีคลิปสนทนากับนักเรียนหญิงในเชิงชู้สาว พยายามชักชวน และหว่านล้อมให้ฝ่ายหญิงมาร่วมเพศ เพื่อแลกกับผลสอบวิชาภาษาอังกฤษที่ครูดังกล่าวสอนอยู่

ต่อมา ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี ได้สอบถามจาก นายสุวิน ทองสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งของจังหวัดทราบว่า เมื่อประมาณปลายปี 2554 ซึ่งขณะนั้นนายสุวิน ยังไม่ได้มารับราชการที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่มีเรื่องเดิมที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 สั่งให้สอบสวนครูชายระดับชำนาญการพิเศษคนหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษระดับมัธยมปลายที่บัตรสนเท่ห์ชี้ว่า เป็นผู้โทรศัพท์ใช้คำเกี้ยวพาราสีนักเรียนหญิง เพื่อชักชวนให้ไปร่วมหลับนอนแลกกับการปรับเกรดการเรียนที่นักเรียนสาวรายนั้นสอบไม่ผ่านวิชาที่ครูคนดังกล่าวเป็นผู้สอน

โดยยังไม่ทราบเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ผลการสอบสวนครูชายต้องสงสัยให้การปฏิเสธ ประกอบกับไม่มีผู้เสียหายมาร้อง และร่วมเป็นพยานยืนยันข้อเท็จจริง

คณะกรรมการสอบสวนจึงสรุปผลการสอบสวนเป็นเรื่องไม่มีมูลความจริง เพราะไม่สามารถยืนยันว่าเป็นเสียงของครูชายที่ถูกระบุจริงหรือไม่ รวมทั้งไม่มีเจ้าทุกข์มายืน จึงยุติการสอบสวน และครูชายคนดังกล่าวยังสอนหนังสือที่โรงเรียนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนมาถึงทุกวันนี้

นายสุวิน กล่าวต่อว่า หลังตนเข้ามารับตำแหน่งก็ได้ติดตามดูพฤติกรรมครูชายรายดังกล่าว ซึ่งมีอายุค่อนข้างมากแล้ว ก็ไม่พบพฤติกรรมเข้าข่ายดังกล่าว แต่การสอบสวนครั้งนั้น ซึ่งมี นายสุรพล ทางทอง รองผู้อำนวยการโรงเรียนที่รักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ทำความเห็นต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 หากมีข้อมูลใหม่หรือมีพยานที่สามารถยืนยันได้ว่า เสียงที่อ้างเป็นครูคนไหน และนักเรียนหญิงที่คุยด้วยเป็นใคร ก็สามารถสอบสวนใหม่ได้

“ในคลิปเป็นการสนทนาของคน 2 คน จึงไม่สามารถชี้ตัวบุคคลได้ว่า ในคลิปเป็นนักเรียนของโรงเรียนของตนจริงหรือไม่ จึงไม่มีการดำเนินการใดๆ ในสมัยนั้น และเท่าที่เฝ้าดูพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวมากว่าปีครึ่ง ก็ไม่พบความไม่เหมาะสม จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นคลิปเสียงเดียวกันหรือไม่”

แต่ยอมรับว่าเนื้อหาที่ได้ยินจากคลิปเสียงวันนี้ เป็นเนื้อหาเดียวกันกับที่เคยพบเผยแพร่ในโรงเรียนตั้งแต่ปี 2553-2554 ที่ผ่านมาจริง หากทางเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนและคณะครูก็มีความยินดีให้สังคมภายนอกเข้ามาตรวจสอบเพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้