ป่วน! สาวใหญ่กุเรื่องถูกโจรชิงทรัพย์กว่าแสน ล่าตัวทั่วเมืองยังไร้วี่แวว

ลำพูน - ตำรวจเมืองเจ้าแม่จามเทวี ป่วนทั้งเมือง หลังสาวใหญ่ไม่มีเงินใช้หนี้ญาติ นอนเอามือกุมท้องอยู่ข้างทาง กุเรื่องถูกโจรชี้ชิงเงินไปกว่า 1 แสนบาท พลเมืองดีเห็นแจ้ง ตร.จนต้องตามไล่ล่าทั่วจังหวัด แต่ไร้วี่แวว จนต้องย้อนกลับมาสอบคนต้นเหตุ ก่อนแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จ

พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ ศรีวงค์วรรณ์ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีที่ขับรถผ่านมาเมื่อเย็นวานนี้ (10 ก.ย.) ว่า พบหญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใกล้รถมอเตอร์ไซค์ จึงลงไปถามไถ่ ก็ทราบว่า มีคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ได้เงินไป 110,600 บาท เหตุเกิดบริเวณถนนสายห้วยกานต์-บ้านน้ำเพอะพะ-ทุ่งกู่แดง จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบพบ นางวันดี คำไทย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ที่ 13 ต.เหล่ายาว อ.บ้านโฮ้ง จ.ลำพูน นั่งเอามือกุมท้องท่าทางเจ็บปวด จึงทำการสอบสวน

นางวันดี อ้างว่า ขณะที่ตนกำลังกลับจากไปเบิกเงินจากธนาคาร ธ.ก.ส. และธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านโฮ่ง แล้วกลับบ้านมาตามเส้นทางดังกล่าว พอมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใส่หมวกคลุมหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์สีแดงไม่ทราบสี ยี่ห้อ ขับขี่ตามมา และได้แซงไปด้านหน้าแล้วเรียกให้ตนจอด พร้อมกับซักอาวุธปืนออกมา 1 กระบอก ก่อนจะบังคับให้ตนนำเอากระเป๋าออกมา แล้วคนร้ายก็ได้หยิบเอาแต่เงินไป จำนวน 110,600 บาท ที่ตนได้เตรียมไปจ่ายค่างวดรถ และใช้หนี้ญาติ

ขณะที่สอบสวน นางวันดี ก็ให้การวกไปวนมา บ้างครั้งก็บอกว่าไปเบิกเงิน แต่ลืมสมุดธนาคาร เอาเงินมาจากบ้าน บ้างก็ว่า ได้กดเงินไปหลายวันแล้ว เพิ่งเอาไปฝาก ก่อนกดเอทีเอ็มมา และอ้างว่า ได้ถูกคนร้ายชกที่หน้าท้อง บ่นว่าเจ็บ เจ้าหน้าที่ก็นำตัวส่งไปให้แพทย์ รพ.บ้านโฮ่ง ตรวจ ซึ่งแพทย์ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทั้ง 2 ธนาคาร ที่นางวันดี กล่าวอ้าง ก็ไม่พบว่า นางวันดี เอาเงินมาฝาก หรือถอนเงินแต่อย่างใด และตรวจสอบสมุดบัญชีก็ไม่มีเงินฝากหรือมีการเคลื่อนไหว และขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านโฮ่ง ที่ขับรถสวนมา เพราะกำลังเข้าพื้นที่สืบสวนหาคนร้ายคดีชิงสร้อยคอทองคำ ที่เกิดเมื่อวันก่อนพอดี ก็ได้ตระเวนไล่ล่าคนร้าย แต่ก็ไร้วี่แวว ไม่มีผู้ใดพบรถ หรือคนร้ายต้องสงสัยแต่อย่างใด ทำเอาตำรวจวุ่นกันทั้งเมือง

หลังจากนำตัว นางวันดี ไปตรวจร่างกายแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวมาสอบสวนใหม่อีกครั้งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนถึงเวลา 18.00 น. นางวันดี ก็ได้สารภาพว่า ตนได้กุเรื่องขึ้นมาเอง โดยบอกว่า เมื่อปีก่อนตนได้ขายบ้าน ที่ดินของแม่ไปเป็นเงิน 3 แสนกว่าบาท และได้นำไปก่อสร้างบ้านใหม่ให้แม่หมดไปแสนกว่าบาท

จากนั้นแม่ให้ตนเอาเงินที่เหลือไปฝาก แต่ตนไม่ได้นำไปฝาก โดยนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนหมด ประกอบกับตนยังเป็นหนี้ญาติอีก 5 หมื่นกว่าบาท อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลานัดหมายให้ชำระหนี้ แต่ตนไม่มีเงินเหลืออยู่เลยจึงคิดมาก

เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปธุระ ขากลับนึกขึ้นมาได้ว่าวิธีนี้จะเป็นการปลดหนี้จากญาติได้แน่ จึงจอดรถแล้วล้มตัวลงนอนเอามือกุมท้อง ทำท่าทางเจ็บปวด เมื่อมีพลเมืองดีผ่านมาพบเข้าตนจึงทำทีเป็นร้องไห้ บอกว่า ถูกคนร้ายชิงเงินไป เขาจึงโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดทั่วเมืองดังกล่าว

เมื่อสอบสวนเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จ และนำตัวไปดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป