ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สอง นศ.ชั้นปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์ มช.ที่เป็นคู่กรณีในคลิปเสียงอาจารย์บังคับรับน้อง ยอมรับมีอคติต่อการรับน้องเป็นทุนเดิม และไม่ชอบถูกบังคับฝืนใจ เผยตั้งใจปล่อยคลิปให้สังคมตัดสิน ยันพร้อมพูดคุยหาทางออกร่วมกันเพื่อเรียนต่อ แต่ยืนยันไม่ต้องการทำกิจกรรมเก็บคะแนนตามหลักสูตรที่ผูกโยงกับการรับน้อง
จากกรณีที่มีคลิปเสียงที่ตั้งชื่อว่า “ถ้าจะเรียนก็เข้ารับน้อง จากคณะศึกษาศาสตร์ มช.” ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก วันนี้ (8 ก.ย.) สองนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ซึ่งเป็นคู่กรณีในคลิปเสียงดังกล่าว เปิดเผยว่า ตั้งใจเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวลงไปในโซเชียลมีเดีย หลังจากที่ได้ปรึกษากับรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งอาจารย์หลายท่าน
ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมได้ร่วมกันตัดสินเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น จากการที่พวกตนทั้งสองไม่สมัครใจที่จะเข้าร่วมการรับน้องของคณะ เนื่องจากเห็นว่ากิจกรรมบางอย่างเป็นการบังคับฝืนใจ และละเมิดสิทธิ
หนึ่งในนักศึกษาที่เป็นคู่กรณี บอกว่า คลิปเสียงดังกล่าวบันทึกไว้ในระหว่างการประชุมพูดคุยกันเกี่ยวกับกรณีที่พวกตนทั้งสองคนไม่ต้องการเข้าร่วมการรับน้องของคณะ โดยผู้ที่เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย อาจารย์ ตัวแทนผู้ปกครอง ตัวแทนนักศึกษาแต่ละชั้นปีของคณะศึกษาศาสตร์ และพวกตนทั้งสองคน ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นความพยายามกดดันข่มขู่มากกว่าการพูดคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นในช่วงแรกเริ่มตนได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของคณะตั้งแต่ต้นที่เริ่มเมื่อวันที่ 23 ก.ค.57 ทั้งที่โดยส่วนตัวยอมรับว่า มีอคติต่อกิจกรรมการรับน้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากการรับน้องโรงเรียน ซึ่งหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านไปหนึ่งวันพบว่ารุ่นพี่เริ่มมีการทำกิจกรรมที่มีลักษณะบังคับฝืนใจแล้ว จึงไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการรับน้องอีกต่อไป เพราะต้องการปกป้องสิทธิส่วนตัว และมั่นใจว่าตัวเองมีวุฒิภาวะมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องการให้ใครมาบังคับ
สำหรับการเข้าร่วมการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ของคณะศึกษาศาสตร์ มช. นั้น ยอมรับว่า ไม่ได้เข้าร่วม โดยอ้างว่าในช่วงนั้นได้เดินทางกลับบ้าน และได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับทางอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ว่าหากยังไม่สบายใจจากการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง จะไม่เข้าร่วมการปฐมนิเทศก็ได้ ส่วนกิจกรรมพิธีไหว้ครูนั้น ยืนยันว่า ในส่วนของพิธีไหว้ครูที่ทางคณะจัดได้เข้าร่วม
แต่ยอมรับว่าไม่ได้เข้าร่วมพิธีไหว้ครูของภาควิชาภาษาไทย ที่เป็นภาควิชาที่ตนเองเรียนจริง เนื่องจากเห็นว่าการเข้าร่วมพิธีไหว้ครูของคณะก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ในส่วนของการหาทางออกร่วมกันนั้น นักศึกษาทั้งสองคนบอกว่า พร้อมที่จะพูดคุยหารือกับทางอาจารย์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน และในการเรียนเดินหน้าต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ายังคงไม่เห็นด้วยต่อการเก็บคะแนนจากการทำกิจกรรมเสริมตามหลักสูตรของคณะที่มีการผูกโยงอยู่กับการรับน้อง เพราะมองว่าเป็นการบังคับนักศึกษาที่ไม่ต้องการเข้าร่วมการรับน้อง แต่ทั้งนี้ยืนยันว่า พร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคณะที่ไม่มีลักษณะข่มขู่บังคับฝืนใจ และมีลักษณะสร้างสรรค์ด้วยดี