เชียงราย - ศุลกากรชายแดนเชียงของแจ้งดีเอสไอสอบแล้ว หลังตรวจยึดเงินต้องสงสัยนำเข้า-ออกชายแดนหลายครั้ง มากสุดยึดได้ครั้งเดียวเกือบ 50 ล้าน ขณะที่สองสาวลาวถูกจับพร้อมเงินกว่า 10 ล้านในกระติก อ้างชิปปิ้งจ้างเอามาจ่ายค่าน้ำมัน แต่ไม่ได้จ่ายต้องนำกลับ
วันนี้ (29 ส.ค.) นายศรชัย สร้อยหงษ์พราย นายด่านศุลกากรเชียงของ จ.เชียงราย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ด่านร่วมกับ นรข.เขตเชียงราย ฝ่ายปกครอง จับกุมหญิงสาวชาวลาว 2 คน ขณะนำเงินสด 10.9 ล้านบาทออกนอกราชอาณาจัก ว่า นางสอนนาลี แก้วมุกดา อายุ 22 ปี และนางหล้าน้อย เจริญผล อายุ 20 ปี ชาวลาว บ้านโพนทอง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ถูกจับกุมพร้อมของกลาง หลังจากเดินทางเข้าไทยด้วยบัตรผ่านแดน และขากลับจะข้ามฝั่งแม่น้ำโขงที่ท่าเรือเชียงของ
แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินสดดังกล่าวในกระติกน้ำแข็ง ทำให้มีฐานความผิด ไม่มีเอกสารการขออนุญาตการนำเงินตราออกนอกราชอาณาจักร รวมทั้งไม่ได้สำแดงรายการเงินตรานำออกนอกราชอาณาจักรต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วย
นายศรชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเงินสดที่จะนำข้ามจากฝั่งไทยไปยัง สปป.ลาว เป็นรายใหญ่ได้แล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะระยะนี้ตรวจยึดได้มากถึง 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดก่อนจับกุม 2 หญิชาวลาวตรวจยึดเงินได้ถึง 47 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัย ดังนั้นจึงได้ส่งเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้เข้าตรวจสอบตามขั้นตอนแล้ว โดยเฉพาะตรวจสอบว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร จะนำไปใช้เพื่อกิจการใด รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ด้วย
“บางรายจ้าหน้าที่ศุลกากรถูกเจ้าของเงินฟ้องร้องเป็นคดีความด้วย ซึ่งผมขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของศุลกากร และกฎหมาย เช่นเดียวกับรายที่ตรวจยึดได้ 10.9 ล้านบาทนี้ ซึ่งจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ หากว่าเจ้าของเงินมีหลักฐานมาแสดง หรือต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่เบื้องต้นจะได้นำเงินทั้งหมดส่งเก็บรักษาที่กรมบัญชีกลางโดยให้คลังจังหวัดดูแลไว้ก่อน”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีของนางสอนนาลีและนางหล้าน้อยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพร้อมของกลางแถลงข่าววานนี้ (28 ส.ค.) โดยระบุว่าทั้งคู่อ้างว่าเป็นเงินที่นายจ้างซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งรายหนึ่งใน สปป.ลาว ว่าจ้างด้วยเงิน 6,000 บาท ให้นำเงินข้ามาจ่ายให้พ่อค้าชาวจีนคนหนึ่งเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในฝั่งไทย โดยเบิกเงินสดจากธนาคารแห่งหนึ่งที่ฝากไว้ที่ อ.เชียงของ แต่มีปัญหาไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงตามใบสั่ง จึงจะนำเงินไปคืนนายจ้าง
วันนี้ (29 ส.ค.) นายศรชัย สร้อยหงษ์พราย นายด่านศุลกากรเชียงของ จ.เชียงราย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ด่านร่วมกับ นรข.เขตเชียงราย ฝ่ายปกครอง จับกุมหญิงสาวชาวลาว 2 คน ขณะนำเงินสด 10.9 ล้านบาทออกนอกราชอาณาจัก ว่า นางสอนนาลี แก้วมุกดา อายุ 22 ปี และนางหล้าน้อย เจริญผล อายุ 20 ปี ชาวลาว บ้านโพนทอง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ถูกจับกุมพร้อมของกลาง หลังจากเดินทางเข้าไทยด้วยบัตรผ่านแดน และขากลับจะข้ามฝั่งแม่น้ำโขงที่ท่าเรือเชียงของ
แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินสดดังกล่าวในกระติกน้ำแข็ง ทำให้มีฐานความผิด ไม่มีเอกสารการขออนุญาตการนำเงินตราออกนอกราชอาณาจักร รวมทั้งไม่ได้สำแดงรายการเงินตรานำออกนอกราชอาณาจักรต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วย
นายศรชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเงินสดที่จะนำข้ามจากฝั่งไทยไปยัง สปป.ลาว เป็นรายใหญ่ได้แล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะระยะนี้ตรวจยึดได้มากถึง 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดก่อนจับกุม 2 หญิชาวลาวตรวจยึดเงินได้ถึง 47 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัย ดังนั้นจึงได้ส่งเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้เข้าตรวจสอบตามขั้นตอนแล้ว โดยเฉพาะตรวจสอบว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร จะนำไปใช้เพื่อกิจการใด รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ด้วย
“บางรายจ้าหน้าที่ศุลกากรถูกเจ้าของเงินฟ้องร้องเป็นคดีความด้วย ซึ่งผมขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของศุลกากร และกฎหมาย เช่นเดียวกับรายที่ตรวจยึดได้ 10.9 ล้านบาทนี้ ซึ่งจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ หากว่าเจ้าของเงินมีหลักฐานมาแสดง หรือต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่เบื้องต้นจะได้นำเงินทั้งหมดส่งเก็บรักษาที่กรมบัญชีกลางโดยให้คลังจังหวัดดูแลไว้ก่อน”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีของนางสอนนาลีและนางหล้าน้อยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพร้อมของกลางแถลงข่าววานนี้ (28 ส.ค.) โดยระบุว่าทั้งคู่อ้างว่าเป็นเงินที่นายจ้างซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งรายหนึ่งใน สปป.ลาว ว่าจ้างด้วยเงิน 6,000 บาท ให้นำเงินข้ามาจ่ายให้พ่อค้าชาวจีนคนหนึ่งเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในฝั่งไทย โดยเบิกเงินสดจากธนาคารแห่งหนึ่งที่ฝากไว้ที่ อ.เชียงของ แต่มีปัญหาไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงตามใบสั่ง จึงจะนำเงินไปคืนนายจ้าง
