มุกดาหาร - ผลตรวจสอบธนบัตรไทยกว่า 30 ล้านที่ยึดได้จากสาวลาวที่ด่านมุกดาหารเป็นของจริง นักธุรกิจชาวลาวแสดงตัวเป็นเจ้าของ พร้อมโชว์หลักฐานแลกเงิน 1 ล้านดอลลาร์ แต่เป็นชื่อพี่สาว อ้างเพื่อโอนเงินซื้อเครื่องดื่มชูกำลังของไทยไปขาย แต่ตำรวจยังไม่เชื่อ รอตรวจสอบอีกครั้ง
ความคืบหน้ากรณีศุลกากรมุกดาหารสนธิกำลังทหาร ตำรวจ จับกุมสาวชาวลาวที่ขับรถยนต์ซุกซ่อนธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท รวมกว่า 30 ล้านบาทออกนอกประเทศ โดยจับกุมได้ที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย ห้ามนำเงินออกนอกประเทศเกิน 5 แสนบาท
ล่าสุด นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร มาตรวจสอบที่ด่านศุลกากรมุกดาหาร โดยเชิญเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบธนบัตรทั้งหมด ผลการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดเป็นธนบัตรจริง
ขณะทำการตรวจสอบอยู่นั้น ได้มีนายคำจัน สิริยะพัน ชาวลาว มาแสดงตัวเป็นเจ้าของเงิน พร้อมนำหลักฐานเอกสารการแลกเงินดอลลาร์ 1 ล้านเหรียญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตรวจสอบหลักฐานการแลกเงินปรากฏว่าเป็นชื่อของนางบุญฮียง จันโท ไม่ใช่ของนายคำจัน สิริยะพัน
นายคำจันอ้างว่านางบุญเฮียงเป็นพี่สาวตนเอง และเงินทั้งหมดเป็นของพี่สาว ซึ่งให้ตนมายื่นแทนเนื่องจากพี่สาวเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบและสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากผู้มาแสดงตนเป็นนักธุรกิจหลายกิจการในสปป.ลาว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในที่มาของเงินทั้ง 30 ล้านบาทว่าเป็นไปตามคำให้การของนายคำจัน ที่ให้การว่าพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าของเงินใช้เงินดอลลาร์มาแลกเพื่อจะโอนไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งของเมืองไทยเพื่อนำไปขายที่ สปป.ลาว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบหาที่มาของเงินดังกล่าวอีกครั้ง ขณะที่ผลการสอบสวนนางมะตะพอน โค้วพอนสกุน ผู้ต้องหาให้การว่า ตนเป็นลูกน้องของนางบุญเฮียง จันโท และเงินดังกล่าวเป็นของนายคำจัน สิริยะพัน
โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐานลักลอบนำเงินตรา (ธนบัตรไทย)ซึ่งเป็นของต้องจำกัด ออกไปนอกราชอาณาจักร เป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และเป็นความผิดฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
