ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยาประสานกองปราบฯ ล้วงลูก EIA หลังชาวบ้านระบุขั้นตอนอาจไม่โปร่งใส ก่อนนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บข้อมูล พบมีการขุดเขาจริง คาดอาจเคลื่อนย้ายหมุดหลักเขต และขุดเจาะรุกล้ำที่สาธารณะ ระบุหากมีความผิด เตรียมดำเนินคดีส่งฟ้องศาลสั่งรื้อถอนแน่
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รองผบก.ป. และเจ้าหน้าที่จากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการ Water Front Suites & Residence คอนโดมิเนียมเจ้าปัญหา ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมอยู่ในขณะนี้
นายอิทธิพล กล่าวว่า สำหรับโ Water Front Suites & Residence ถือเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างสูง ว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างตามขั้นตอนหรือไม่ ที่สำคัญตัวอาคารยังบดบังทัศนียภาพของเมืองพัทยา จนมีประชาชนบางส่วนออกมาต่อต้าน กรณีดังกล่าวเมืองพัทยาไม่ได้นิ่งเฉย ดำเนินการตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตในทุกขั้นตอน
เบื้องต้นพบว่าโครงการได้ดำเนินการตามข้อกำหนดขอย่างเคร่งครัด เพียงแต่อาจมีปัญหาเรื่องของโครงสร้างบางส่วน ได้แก่ พื้นที่ของช่องลิฟต์ และบันได้หนีไฟ ที่พบว่ามีการก่อสร้างผิดแบบ จึงได้ออกหนัง ค.5 6 และ 11 ระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดได้แจ้งความดำเนินคดีกับ สภ.เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม หลังพบว่าโครงการยังคงลักลอบทำการก่อสร้างอยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม กรณีของโครงการนี้ยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่ารอขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะขั้นตอนการว่าจ้างบริษัท ไท ไท วิศวกรรม จำกัดศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ก่อนส่งต่อให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณาตามข้อกำหนดของ ซึ่งพบว่ามีการอนุมัติก่อนที่จะมาขออนุญาตปลูกสร้างภายในปี 2551
อย่างไรก็ตาม เมื่อประชาชนเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับขั้นตอนดังกล่าว เมืองพัทยาจึงได้ประสานงานไปยังตำรวจกองปราบปราม ให้เข้าตรวจสอบขั้นตอนการทำรายงานฉบับดังกล่าว ว่ามีกระบวนการที่โปร่งใส ถูกต้อง และตรงตามหลักการของการจัดทำหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของการทำประชาพิจารณ์ ที่ระบุว่าอาจมีการสวมคนเข้ามาลงรายชื่อสนับสนุนรายงาน เพื่อให้มีการอนุมัติการก่อสร้าง
ด้านพ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก นายกเมืองพัทยาได้ประสานเรื่องไป จึงจำเป็นต้องเดินทางมาติดตามรายละเอียดเพื่อเก็บข้อมูลทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การขออนุญาต การจัดทำประชาพิจารณ์ การกันแนวเขต และข้อกำหนดตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งคงจะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบอีกระยะ จะชี้แจงต่อสาธารณชนได้ แต่ยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะถือเป็นโครงการสำคัญที่คนให้ความสนใจ และเพื่อความถูกต้องของสังคม
จากนั้นทั้งหมดได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพการก่อสร้างโครงการ Water Front Suites & Residence บริเวณพื้นที่ใกล้ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) โดยตรวจสอบบริเวณด้านหลังโครงการเบื้องต้นพบว่ามีการขุดเจาะแนวเขาเป็นพื้นที่กว้าง โดยเฉพาะจุดลาดชัน รวมทั้งการเปลี่ยนพื้นที่การปักหมุดแนวเขตทร.ที่ขอสงวนไว้ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบหมายให้เมืองพัทยาประสานสำนักงานที่ดินจังหวัด สาขาอำเภอบางละมุง และผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบแนวหลักเขตโฉนด ว่ามีการรุกล้ำหรือไม่อย่างไรต่อไป
ด้านนายอิทธิพล ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นพบว่าโครงการอาจจะรุกล้ำและมีการย้ายหมุดหลักเขต ซึ่งจะได้นำเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอำเภอบางละมุงลงพื้นที่มาชี้ระวางแนวเขต และส่องกล้องเพื่อดูภาพถ่ายทางอากาศในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ซึ่งคงจะทราบว่ามีการลักลอบขุดเจาะแนว และรุกล้ำพื้นที่สาธารณะหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าผิดจริงก็คงแจ้งความดำเนินคดีกับโครงการ นอกเหนือจากคดีลักลอบต่อเติมอาคารที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้
ขณะที่ปัญหาการก่อสร้างอาคารผิดแบบจากการขออนุญาตบริเวณช่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ คงต้องรอให้ทางโครงการเสนอเรื่องไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ว่าจะอนุญาตให้ปรับปรุงแบบได้หรือไม่ หรือจะสั่งรื้อถอนในส่วนที่ก่อสร้างผิดแบบ ซึ่งกรณีนี้อาจมีผลกระทบไปถึงโครงสร้างของอาคารได้ แต่ทางโครงการก็คงต้องทำการรื้อถอนตามคำสั่ง
นอกจากนี้ หากสุดท้ายพบว่าขั้นตอนของการขออนุญาตก่อสร้างไม่ถูกต้อง เมืองพัทยาก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้วยการประสานงานยังสำนักอัยการ และส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยา หากศาลตัดสินให้รื้อถอนอาคาร ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการแน่นอน
