พล.ต.ต.มนตรี จินดา ผบก.ภ.อุตรดิตถ์ ได้นำตัวนายนพรัตน์ บุญมี อายุ 24 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ที่ 3 ต.น้ำริด อ.เมืองอุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า นายนพรัตน์ได้แอบลักลอบนำอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตรจากร้าน ส.เกษตรยนต์ ที่ทำงานอยู่ไปจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน
พล.ต.ต.มนตรีระบุว่า ตั้งแต่ปลายปี 56 ผู้ต้องหาได้ลอบนำรถยนต์ของทางร้านที่ตนเองทำงานอยู่บรรทุกเครื่องมือ-อุปกรณ์ทางการเกษตร เช่น เครื่องยนต์คูโบต้า รุ่น RT 80 เครื่องยนต์ยันม่าร์ รุ่น TF 160, เครื่องสูบน้ำฮอนด้า, เลื่อยวงเดือน, พัดลมตั้งพื้น, เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง, ไฟเบอร์ตัดเหล็ก ออกไปจำหน่ายในหมู่บ้านน้ำริด อ.เมืองอุตรดิตถ์ ในราคาที่ถูกกว่าราคาที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป
ผู้ต้องหาอ้างว่า ของที่นำมาขายเป็นของใหม่แกะกล่องที่ทางร้านสั่งมาเกินสต๊อก เช่น เครื่องยนต์ยันมาร์ หากซื้อตามร้านทั่วไปจะมีราคาประมาณ 70,000 บาท แต่นายนพรัตน์ได้นำมาขายในราคา 40,000 บาท, เครื่องยนต์คูโบต้า รุ่น RT 80 ขายในราคา 30,000-40,000 บาท, เครื่องสูบน้ำฮอนด้าราคา 10,000 กว่าบาท ขายเพียง 7,000-8,000 บาทเท่านั้น ทำให้บรรดาชาวบ้านบอกต่อกันไปแบบปากต่อปากว่ามีสินค้าใหม่ราคาถูกมาจำหน่ายพากันมาซื้อกว่า 100 ราย
นายบุญมาก บุญอินเขียว อายุ 57 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 10 ตำบลน้ำริด กล่าวว่า ตนได้ซื้อเครื่องยนต์ยันมาร์ของนายนพรัตน์ไปเมื่อเดือนธันวาคม 56 และได้นำไปติดรถไทยแลนด์ โดยไม่รู้เลยว่าเป็นของผิดกฎหมาย เพราะนายนพรัตน์ได้ใช้รถของบริษัทบรรทุกสินค้าต่างๆ เข้าไปจำหน่ายในหมู่บ้านในเวลากลางวันอย่างเปิดเผย กว่าจะรู้ก็มีตำรวจมาหาที่บ้าน
ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ได้ติดตามยึดเครื่องยนต์คูโบต้าและเครื่องยนต์ยันมาร์ที่กระจายอยู่ตามบ้านของชาวบ้านมาได้จำนวน 12 เครื่อง, เครื่องยนต์ฮอนด้าสำหรับสูบน้ำ 12 เครื่อง, เครื่องพ่นยาฆ่าแมลง 3 เครื่อง, เครื่องตัดหญ้า 3 เครื่อง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังแถลงข่าวอยู่นั้น นายจิรพงษ์ ติรภัตร เจ้าของร้านพงษ์เกษตร 1999 เข้ามาขอแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อคืนเวลาประมาณ 2 นาฬิกา ได้มีคนร้ายแอบเข้าไปในโกดังขโมยเครื่องตัดหญ้าไป โดยมีภาพในกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่ไม่เห็นใบหน้า
นายจิรพงษ์บอกว่า ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นมา เครื่องตัดหญ้าในโกดังของตนได้หายไปเป็นจำนวนกว่า 30 เครื่อง ความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 400,000 บาท และก็ได้แจ้งความมาตลอดแต่ก็ไม่สามารถจับคนร้ายได้