การจับกุม พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร อดีตรอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ที่ลักลอบขนยาบ้า 800,000 เม็ด ไอซ์ อีก 1 กก. รวมมูลค่ากว่า 240 ล้านบาทขึ้นไป เมื่อวันที่ 18 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ถือเป็นคดีใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวาง เมื่อ “ตำรวจ” เป็นผู้ขนยาเสพติดเสียเอง
ไม่เพียงเท่านั้น “พ.ต.ท.ชำนาญ” ยังได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการปราบปรามยาเสพติด ตั้งแต่สมัยประจำอยู่ที่ สภ.สบปราบ จ.ลำปาง เป็นนายตำรวจที่คุมการตั้งด่านสกัดยาเสพติด จน “ด่านสบปราบ” มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของประเทศ ว่า สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้จำนวนมาก
ก่อนที่จะถูกปูนบำเหน็จ ส่งไปอยู่ สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร สกัดกั้นยาเสพติดจากชายแดนที่ทะลักเข้ามาผ่านด่านผาหงษ์ ท้องที่ อ.ไชยปราการ
นอกจากนั้น พ.ต.ท.ชำนาญ ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 5 ให้เป็น “วิทยากร” อบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงวิธีการตั้งด่าน และสกัดจับยาเสพติดด้วย
เจ้าหน้าที่ในแวดวงการข่าวความมั่นคงหลายหน่วยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน บอกว่า พ.ต.ท.ชำนาญ ได้ชื่อว่า เป็นนายตำรวจที่มีข่าวแม่นมากที่สุดคนหนึ่งในพื้นที่ ภ.ภาค 5 ชี้เป้าให้จับรถคันไหน เป็นเจอยาเสพติดคันนั้นแน่นอน
ทำให้เป็นที่สงสัยกันว่า ทำไมนายตำรวจมือปราบอนาคตไกลคนนี้ ถึงถูกตำรวจ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย รวบตัวพร้อมของกลางจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ?!?
ว่ากันว่า พ.ต.ท.ชำนาญ เลิกกับภรรยาเก่ามาได้ร่วมปีแล้ว หลังจากที่ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ ประจำอยู่ที่ สภ.ไชยปราการ พร้อมกับการปรากฏตัวของ “น.ส.เหมย ศรีนทรีทันดร” อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/2 ม.9 ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย สาวเหมยดอยหลวง ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของอดีตรอง ผกก.มือปราบยาเสพติด เบอร์หนึ่งของ ภ.ภาค 5 จนอยู่กินด้วยกันในเวลาต่อมา
เพียงแต่ว่า แท้จริงแล้ว สาวเหมยดอยหลวง คนนี้ดูเหมือนจะมีที่มาที่ไปที่ซับซ้อนไม่น้อย!!
เพราะนอกจากจะร่ำลือกันว่า สาวบ้านนี้จะมีฐานะ หน้าตาดีกันทั้งบ้านแล้ว ยังถูกจับตาทางการว่า พัวพันกับเครือข่าย “พ.ท.ยี่เซ” รวมถึง “หน่อคำ” อดีตคนทรงอิทธิพลในลุ่มน้ำโขงเหนือสามเหลี่ยมทองคำ ที่ก่อเหตุปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน จนถึงทางการจีนตามจับได้ใน สปป.ลาว ก่อนส่งขึ้นศาล สป.จีน และมีการตัดสินประหารชีวิต
โดยเฉพาะในสายของ “พ.ท.ยี่เซ” วัย 60 ปีเศษ ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เป็นต้นทางยาเสพติดล็อตนี้ ปรากฏหลักฐานว่า เดิมชื่อ “โยระ” เข้ามาพัวพันกับคนไทยครั้งแรกเมื่อปี 2526 หรือเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ในชื่อ “นายชัยวัฒน์” อาศัยอยู่แถบ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก่อนย้ายไปอยู่แถบ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แล้วย้ายกลับมาอยู่ที่ อ.แม่จัน อีกครั้งในปี 2533 และมีชื่อปรากฏว่า ได้ขอทำบัตรประจำตัวประชาชนเป็นครั้งแรกในปี 2533
เพราะมีการตรวจสอบจนพบพิรุธว่า คนที่อยู่ในทะเบียนราษฎรเดียวกันกลับไม่รู้จัก นายชัยวัฒน์ เลย ขณะที่ภรรยาเก่าของนายชัยวัฒน์ ที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันที่ อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งยืนยันว่านายชัยวัฒน์ คือ คนเดียวกันกับ “พ.ท.ยี่เซ” นั่นเอง
ว่ากันว่า เครือข่ายค้ายาเสพติด “พ.ท.ยี่เซ” ส่วนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย บางรายเดิมเป็นผู้ค้ารายย่อย แต่หน้าตาดี ก็ถูกอัปเกรดเป็น “แม่เลี้ยงใหญ่” ชายแดนเชียงรายอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงคนในครอบครัว “สาวเหมย” ด้วย
แหล่งข่าวยืนยันว่า ครอบครัวสาวเหมย ดั้งเดิมอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนที่จะมีชื่อไปโผล่ และใช้นามสกุล “ศรีนทรีทันดร” ที่เป็นนามสกุลของคนท้องถิ่นดั้งเดิมของ อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย และยื่นขอทำบัตรประชาชนครั้งแรก ตามหมายเลขคำขอที่ 50024090328 จนได้บัตรครั้งแรกเมื่อ 25 ธันวาคม 2556
ก่อนที่จะไปโผล่เป็นคนข้างกายคนใหม่ของ พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร ที่ย้ายไปเป็น “รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่” ผู้ได้ชื่อเป็นมือปราบยาเสพติด ที่สร้างผลงานโดดเด่นที่สุดของตำรวจภูธรภาค 5 และได้ชื่อว่า มีการข่าวแม่นที่สุด !!
แต่ยาเสพติดยังคงทะลักจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้าพื้นที่ชั้นในต่อเนื่อง
กระทั่ง คสช.ยึดอำนาจการปกครอง การปราบปราบขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดถูกยกระดับเข้มข้นขึ้น ช่องทางการนำเข้าตามแนวตะเข็บชายแดนตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ชายแดนด้าน จ.เชียงราย ตลอดแนว ทำให้ขบวนการผลิต ค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือ ซึ่งมีโรงงานผลิตยาบ้า เฮโรอีน ไอซ์ ไม่น้อยกว่า 11 แห่ง กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ก็คือ กลุ่มของ “พ.ท.ยี่เซ” หัวหน้ากองกำลังมูเซอดำ ฐานใหญ่อยู่ในเขตบ้านน้ำปุ๋ง อันเป็นที่ตั้งของโรงงานขนาดใหญ่ในการผลิต และลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากสู่ชายแดนไทย ตั้งแต่แถบบ้านม้งเก้าหลัง ต.เทอดไท อ.แม่ฟ้าหลวง และช่วงหลังคือ บ้านผาขาว ตรงกันข้ามบ้านป่าซางนางเงิน อ.แม่ฟ้าหลวง แต่ก็สามารถลำเลียงเข้ามาได้ตลอดแนว ตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง ไปจนถึง อ.แม่สาย อย่างน้อย 14 จุด ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ซึ่งประเมินกันว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่ม “พ.ท.ยี่เซ” ต้องหาทางลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของไทยมากขึ้นทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้แผน “หญิงงาม” เปิดทาง
ล่าสุด มีเสียงร่ำลือกันว่า ระยะที่ผ่านมา คนข้างกายคนใหม่ของข้าราชการระดับคีย์แมนสำคัญๆหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ มี “หญิงงาม” ในเครือข่ายนี้รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ พ.ต.ท.ชำนาญ ที่ถูกจับกุมครั้งนี้ ล่าสุด เจ้าตัวไม่ได้สารภาพอย่างสิ้นเชิง
โดยหลังจากระบุว่า จะนำยาเสพติดทั้งหมดไปส่งที่กรุงเทพฯ ก็กลับให้ปากคำอีกเพียงว่า “เป็นการขยายผล แต่ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ที่ปลายทางได้”
และเมื่อสื่อมวลชนมีโอกาสสอบถาม พ.ต.ท.ชำนาญ โดยตรงเขาก็ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ พร้อมให้ไปสอบถามที่พนักงานสอบสวนในคดีนี้เอาเอง