เชียงราย/ลำปาง - ตำรวจแม่สายจับ “พ.ต.ท.” นายตำรวจมือปราบยาเสพติด สภ.ไชยปราการ เชียงใหม่ ได้พร้อมของกลางยาบ้า 8 แสนเม็ด ไอซ์อีก 1 กก. มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ขณะลำเลียงยานรกเข้าเขตชั้นในประเทศไทย เจ้าตัวสารภาพรับจ้างขนจากกลุ่มไทยใหญ่ 6 ล้านบาท ตีหน้าเศร้าอ้างติดหนี้สหกรณ์ตำรวจและผ่อนบ้าน 2 หลัง 3 ล้านบาท ด้าน ผบก.เชียงใหม่ ให้ออกจากราชการทันที ด้านทหาร-ตร.ลำปาง บุกเข้าค้นบ้านทั้ง 2 หลังที่ลำปาง เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.อ.ณัฏฐวุฒิ ยุวรรณ ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมชุดสืบสวนได้รับแจ้งว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนไปส่งให้ลูกค้าที่พื้นที่ชั้นในของประเทศ ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งด่านที่บริเวณด่านตรวจห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ต่อมา ได้มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ป้ายทะเบียน กท 231 ลำปาง ขับมาจากเขต อ.แม่จัน เข้ามาเขต อ.แม่สาย ตรงตามที่สายรายงานมา ทางเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุด พบว่าคนขับคือ พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่งไพจิตร รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขับมาคนเดียว เมื่อทางเจ้าหน้าที่จะขอตรวจค้น ทาง พ.ต.ท.ชำนาญ ได้พยายามพูดว่าจะรีบไปราชการ รถตำรวจไม่ต้องค้น แต่ทางตำรวจ สภ.แม่สาย ยืนยันจะค้น และจากการตรวจค้นพบภายในกระเป๋าเสื้อผ้ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จำนวน 800,000 เม็ด ยาไอซ์อีก 1 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 164 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนยัง สภ.แม่สาย โดยมี พ.ต.อ.วิรัตน์ สุมนาพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็นผู้สอบสวน พ.ต.ท.ชำนาญ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพต่อผู้บังคับบัญชาว่า ของกลางยาเสพติดทั้งหมดตนเป็นผู้รับจ้างจากขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มไทยใหญ่ โดยรับจ้างขนครั้งนี้ราคา 6 ล้านบาท รับมาจากหน้าห้างโลตัสแม่สาย เพื่อที่จะขนไปส่งที่กรุงเทพฯ
สาเหตุที่ต้องทำอย่างหนี้เพราะต้องการเงิน จำนวน 3 ล้านบาท ไปใช้หนี้ที่ตนมีอยู่ เช่น หนี้สหกรณ์ตำรวจ และผ่อนบ้าน จำนวน 2 หลัง ซึ่งหนี้สินทั้งหมด จำนวน 3 ล้านบาท พอดีได้รับการติดต่อจากขบวนการให้ขนยาเสพติดล็อตดังกล่าวในจำนวนเงิน 6 ล้านบาท ตนจึงตัดสินใจรับงานนี้กระทั่งมาถูกจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่งไพจิตร รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านปราบปรามยาเสพติดสมัยประจำอยู่ที่ สภ.สบปราบ จ.ลำปาง เป็นนายตำรวจที่คุมการตั้งด่านสกัดจับยาเสพติดจนด่านสบปราบ มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของประเทศ สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้จำนวนมาก จึงถูกส่งไปอยู่ สภ.ไชยปราการ เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดจากชายแคนที่ทะลักเข้ามาผ่านด่านผาหงษ์ ท้องที่ อ.ไชยปราการ โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ทำงานปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติดติดได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น พ.ต.ท.ชำนาญ ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 5 ให้เป็นวิทยากรอบรมให้ความรู้แก่ตำรวจถึงวิธีการตั้งด่าน และสกัดจับยาเสพติดด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบช.ภ.5 รักษาราชการ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับทราบจาก ผกก.ไชยปราการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย แล้ว ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดอย่างร้ายแรง อีกทั้งตัวของ พ.ต.ท.ชำนาญ เองเป็นวิทยากรด้านการตั้งด่านปราบปรามยาเสพติด มีผลงานในด้านปราบปรามยาเสพติดดีเด่น แต่กลับประพฤติผิดอย่างร้ายแรง
“ขณะนี้ผมกำลังรอรายงานที่เป็นเอกสารอยู่ แต่เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และสั่งการให้มีการขยายผลว่าทำไปเพราะเหตุอันใด เครือข่ายที่เกี่ยวข้องมีใครบ้าง และทำการขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมด รวมถึงอาจจะพิจารณาใช้ พ.ร.บ.มาตรการในการยึดทรัพย์ต่อไป” พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กล่าว
ต่อมา เวลา 18.30 น. พล.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต ผบ.กกล.รส.มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ได้สั่งการให้ ร.ท.พสธร ถานี หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว และ ร.ต.วิธาน จันทร์เรือน หัวหน้าชุดหน่วยทหารขนาดเล็ก พ.ต.อ.สังเวียน อินตากูล ผกก.สส.ภ.จว.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.ลำปาง และทหาร มทบ.32 กว่า 10 นาย เข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลังของ พ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร คือ ที่บ้านเลขที่ 112/225 บ้านเจนจอย ม.8 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง และบ้านเลขที่ 353/3 บ้านสุขสวัสดิ์ ถ.สุขสวัสดิ์ 1 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านหรูมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม พบเพียงโล่ และใบประกาศเกียรติคุณสำหรับผู้ที่มีคุณความดีด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจำนวนหลายใบ
ส.ต.ท.หญิง ยุพาพร พุ่มไพจิตร ลูกสาวของ พ.ต.ท.ชำนาญ กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบ้านทั้ง 2 หลังของ พ.ต.ท.ชำนาญ เพียงสั้นๆ ว่า “ตนไม่ได้เจอคุณพ่อมานานแล้ว เพราะคุณพ่อไม่ค่อยกลับมาที่บ้านลำปาง”
ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดของ พ.ต.ท.ชำนาญ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดจังหวัดเชียงราย ประสานทางคดีก่อนว่าจะมีการยึดทรัพย์ทั้งหมดหรือไม่อย่างไร