พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ อยุธยา หวั่นยูเนสโกถอดออกจากมรดกโลก สั่งรื้อถอน และย้ายร้านค้าแผงลอยที่เข้าไปค้าขายหลังพระวิหาร “หลวงพ่อพระมงคลบพิตร” จนกลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อน บดบังทัศนียภาพ และสภาพร้านค้ารกรุงรังไม่สวยงาม ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร องค์กรท้องถิ่น ร่วมประชุมปัญหาร้านค้า แผงลอย ที่เข้าไปค้าขายหลังพระวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร กลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนบดบังทัศนียภาพ และสภาพร้านค้ารกรุงรังไม่สวยงาม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการดัดแปลงร้านค้าทำเป็นที่อยู่อาศัยค้างแรม ขายของ ตั้งค่ายซ้อมมวย ไม่เป็นระเบียบ ซึ่งในที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้ดำเนินการรื้อถอนเคลื่อนย้ายร้านค้าแผงลอยทั้งหมดออกไปให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
โดยมีแผนกำหนดแบ่งการรื้อถอนออกเป็น 2 เฟส เฟสแรก ให้กลุ่มแม่ค้าแผงลอยที่บุกรุกเข้าไปค้าขายรอบตัววิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร ให้เริ่มรื้อออกภายในวันที่ 10 กันยายน และเฟสที่ 2 ต้องรื้อถอนร้านค้าที่บุกรุกเข้าไปค้าขายบริเวณลานจอดรถทั้งหมด ให้ย้ายไปขายรวมกันที่หลังศาลากลางหลังเก่า ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถนักท่องเที่ยว ซึ่งมีการเตรียมสถานที่รองรับเอาไว้หลายปีแล้ว
“การรื้อถอนต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนอย่างเร็ว หลังพบว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ที่ผ่านมา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้าปล่อยทิ้งอาจจะส่งผลกระทบไปถึงองค์การยูเนสโก ให้เป็นเหตุผลพิจารณาถอดถอนให้โบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกจากมรดกโลกด้วย”
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร องค์กรท้องถิ่น ร่วมประชุมปัญหาร้านค้า แผงลอย ที่เข้าไปค้าขายหลังพระวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร กลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนบดบังทัศนียภาพ และสภาพร้านค้ารกรุงรังไม่สวยงาม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการดัดแปลงร้านค้าทำเป็นที่อยู่อาศัยค้างแรม ขายของ ตั้งค่ายซ้อมมวย ไม่เป็นระเบียบ ซึ่งในที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้ดำเนินการรื้อถอนเคลื่อนย้ายร้านค้าแผงลอยทั้งหมดออกไปให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
โดยมีแผนกำหนดแบ่งการรื้อถอนออกเป็น 2 เฟส เฟสแรก ให้กลุ่มแม่ค้าแผงลอยที่บุกรุกเข้าไปค้าขายรอบตัววิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร ให้เริ่มรื้อออกภายในวันที่ 10 กันยายน และเฟสที่ 2 ต้องรื้อถอนร้านค้าที่บุกรุกเข้าไปค้าขายบริเวณลานจอดรถทั้งหมด ให้ย้ายไปขายรวมกันที่หลังศาลากลางหลังเก่า ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถนักท่องเที่ยว ซึ่งมีการเตรียมสถานที่รองรับเอาไว้หลายปีแล้ว
“การรื้อถอนต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนอย่างเร็ว หลังพบว่าเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ที่ผ่านมา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้าปล่อยทิ้งอาจจะส่งผลกระทบไปถึงองค์การยูเนสโก ให้เป็นเหตุผลพิจารณาถอดถอนให้โบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกจากมรดกโลกด้วย”