อุบลราชธานี - ระดับน้ำลำโดมใหญ่ อุบลราชธานี ซึ่งท่วมขังนานกว่า 3 สัปดาห์ หลังน้ำลดทำให้ดินชุ่มน้ำเกิดการสไลด์และทรุดตัวตามริมตลิ่ง จนกุฏิและศาลาวัดในตำบลไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร พังทลายจมหายไปกับสายน้ำ ส่วนกุฏิที่เหลือต้องนำเสามาค้ำก่อนทำการซ่อมแซมให้มั่นคง อนาคตต้องสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานีรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมตามลุ่มน้ำลำโดมใหญ่สูง 1-2 เมตรนานกว่า 3 สัปดาห์ หลังระดับน้ำลดลงได้ส่งผลกระทบทำให้ดินไลด์ตามแนวริมแม่น้ำ
โดยเฉพาะที่วัดแก่งสว่าง บ้านโนนค้อลุคุ หมู่ที่ 11 ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร ดินทรุดตัวสไลด์ลงไปในแม่น้ำยาวเกือบ 200 เมตร ทำให้กุฏิและศาลาที่ปลูกติดแม่น้ำพังจมหายไปในแม่น้ำรวม 2 หลัง ค่าเสียหายประมาณ 7 แสนบาท
ส่วนกุฏิเจ้าอาวาสที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเกิดการเอียงตัว ผนังและคานรวมทั้งฝ้าเพดานแตกร้าวต้องนำไม้มาค้ำไม่ให้พังลงมา และต้องย้ายข้าวของออกไปรอการซ่อมแซมก่อนกลับเข้ามาอยู่ใหม่
พระปลัดวุฒิพงษ์ ฐานะวโร เจ้าอาวาสวัดแก่งสว่าง เล่าว่า เมื่อสองวันก่อนดินในบริเวณวัดเริ่มทรุดตัวและมีรอยแตกตามหน้าดิน จึงทยอยย้ายข้าวของออกจากกุฏิและศาลาที่สร้างติดแม่น้ำออกมา วันต่อมาได้ยินเสียงสิ่งก่อสร้างพังทลายจมหายลงไปในแม่น้ำ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ อบต.มาสำรวจความเสียหายและหายทางแก้ไขปัญหาดินทรุดตัว
ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเกิดจากในพื้นที่มีน้ำท่วมติดต่อกันมาหลายปี ทำให้ดินอ่อนตัวและมีน้ำกัดเซาะตามริมตลิ่ง เมื่อระดับน้ำลดลงจึงดึงเอาดินไหลไปตามน้ำด้วย การแก้ไขระยะยาวต้องสร้างพนังกั้นน้ำกันดินทรุดตัวต่อไปในอนาคต
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำในแม่น้ำมูลและลำน้ำสาขาปรับตัวลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ โดยระดับน้ำแม่น้ำมูลที่สถานีวัดน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี มีระดับน้ำสูง 5.10 เมตร ทำให้มีน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.90 เมตร ส่วนแม่น้ำโขงมีระดับน้ำต่ำกว่าแม่น้ำมูลประมาณ 3.80 เมตร ทำให้การระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวก