เลย - วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ “น้องปูเป้” เด็กหญิงยอดกตัญญูวัย 13 ปี อ.วังสะพุง แบกภาระดูแลแม่ขาพิการ ตาวัยกว่า 80 ปีที่ตาบอดสนิททั้งสองข้าง และน้องอีก 2 คน เผยชีวิตน่ารัดทด ทั้งครอบครัวอาศัยเงินยังชีพคนพิการเดือนละ 1,300 บาท ทุกเสาร์-อาทิตย์ต้องรับจ้างแยกขยะ บ่อยครั้งต้องยอมขาดเรียนเพื่อรับจ้างหาเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เลยว่า ได้รับแจ้งจากนางฌารินี ทองมี ครูโรงเรียนเซไลวิทยา บ้านโคกหนองแก ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง ว่าที่โรงเรียนมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งสภาพชีวิตความเป็นอยู่ไม่ต่างจากเด็กหญิงยอดกตัญญู “วัลลี” หรือจะเรียกว่าเป็น “วัลลี 2” ก็ว่าได้ จึงอยากให้มีผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือ
จากการตรวจสอบทราบชื่อคือ ด.ญ.ณัฐริกา เบ้าบุญตี๋ หรือน้องปูเป้ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ฐานะทางบ้านยากจน แต่เป็นเด็กเรียนเก่ง อาศัยอยู่กับมารดาที่ขาพิการ ตาอายุ 86 ปีตาบอดสนิททั้งสองข้างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และน้องชายอีก 2 คน ต้องรับภาระเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว โดยทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะออกไปรับจ้างแยกขยะในโรงงาน หาเงินซื้ออาหาร ทั้งยังทำงานบ้านทุกอย่าง ส่วนบิดาหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่แม่ตั้งท้องน้องปูเป้
นางฌารินี ครูประจำชั้น ด.ญ.ณัฐริกา เล่าว่า หลังจากที่ลงพื้นที่เยี่ยมเด็กนักเรียนที่บ้าน จึงได้ทราบว่าครอบครัวของน้องปูเป้มีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนพิการและผู้สูงอายุทั้ง 2 คนเพียงเดือนละ 1,300 บาท ตอนแรกแม่ไม่ยอมให้น้องปูเป้เรียนหนังสือ เพราะต้องออกไปรับจ้างหารายได้มาจุนเจือทางบ้าน แต่ทางครูขอร้องให้น้องปูเป้เรียนต่อ
โดยทางโรงเรียนสนับสนุนค่าเล่าเรียนให้บางส่วน ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์น้องปูเป้ต้องไปรับจ้างที่ร้านรับชื้อของเก่าได้วันละ 120 บาท หากอยู่ในช่วงฤดูตัดอ้อยก็จะขาดเรียนไปรับจ้างตัดอ้อยเพื่อหารายได้ไว้ใช้จ่ายดูแลคนในครอบครัว ถือเป็นชีวิตที่สุดรันทด
“แรกๆ น้องปูเป้ท้อกับชะตาชีวิต บ่นกับครู กลัวไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะบ้านยากจน ต้องรับภาระหนักดูแลคนในบ้านทั้ง 4 คน อีกทั้งน้องๆ กำลังเรียนอยู่ ป.1 และ ป.3”
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านน้องปูเป้ เลขที่ 45 บ้านน้อยคีรี หมู่ 15 ต.โคกขมิ่น อ.วังสะพุง พบนางแพร เบ้าบุญตี๋ อายุ 37 ปี แม่ของน้องปูเป้ และคุณตานอนซมอยู่บนบ้าน สภาพบ้านทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เสาบ้านบางต้นใกล้จะทรุดพัง
นางแพรเล่าว่า ช่วงปี 2550 หลังคลอดลูกคนเล็กได้ประมาณ 4 เดือน ตนกับน้องปูเป้ยืมรถจักรยานยนต์เพื่อนบ้านขี่ไปซื้อนมที่ตลาด ระหว่างทางถูกรถกระบะชน ทำให้ตนขาหัก 3 ท่อน ไปรักษาที่โรงพยาบาลเลย หมอต้องผ่าตัดใส่เหล็กด้ามไว้ ส่วนน้องปูเป้ได้รับบาดเจ็บที่ขาเหมือนกัน แม้รักษาหายแล้วแต่น้องปูเป้ก็ยังเดินขาเป๋อยู่บ้าง
หลังเกิดเหตุได้ค่าช่วยเหลือจากคนขับรถกระบะ 45,000 บาท ได้เอาไปจ่ายค่าจักรยานยนต์ที่ยืมเขามาหมื่นกว่าบาท ที่เหลือจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ยังไม่พอ ต้องเป็นคนไข้อนาถา หมอจึงให้ออกจากโรงพยาบาลให้มารักษาตัวต่อที่บ้าน
"ฉันมีลูก 3 คน คนละพ่อกันหมดเลย น้องปูเป้เป็นคนโต พ่อเขาได้หนีไปตอนที่ยังไม่คลอดออกมาด้วยซ้ำ"
นางแพรเล่าต่อว่า จากนั้นไม่นานสามีคนที่ 3 พ่อของลูกคนเล็กสุด เห็นว่าตนเป็นผู้พิการจึงได้หนีไป ทิ้งภาระพร้อมลูกทั้ง 3 คนให้ตนเลี้ยง ช่วงแรกต้องคลานไปขึ้นรถขอไปรับจ้างตัดอ้อยกับเขา ได้วันละ 250 บาท และรับงานรับจ้างทั่วไปเท่าที่คนพิการจะทำได้ ทำงานจนแทบไม่ได้ไปหาหมอตามนัด ทำให้กระดูกที่หักไม่สามารถต่อติดได้ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเหล็กที่ดามกระดูกโผล่ทะลุขาออกมา จนต้องไปหาหมอให้ผ่าเอาเหล็กออก ทุกวันนี้ยังเดินเองไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าช่วย
ภาระทุกอย่างในบ้านจึงตกอยู่กับน้องปูเป้ทั้งหมด ไม่ว่าจะหาเงินมาซื้อกับข้าว ซักผ้า ดูแลน้อง และดูแลตาที่ตาบอดทั้งสองข้าง ตนจะได้เงินที่พอเลี้ยงชีพได้มาจากเบี้ยคนพิการ 500 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุของคุณตาอีก 800 บาท รวมเดือนละ 1,300 บาท ช่วงเสาร์-อาทิตย์น้องปูเป้จะไปรับจ้างแกะฝาขวดที่ร้านขายของเก่าได้วันละ 120 บาท เก็บเอาไว้ให้น้องทั้ง 2 คนไปโรงเรียนวันละ 10 บาท
ขณะที่น้องปูเป้เล่าว่า ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนึ่งข้าวเหนียว จัดอาหารไว้ให้แม่ ตา และน้องๆ ก่อนไปโรงเรียนต้องเอาตาลงจากบนบ้านมาไว้ใต้ถุนก่อนเพราะกลัวตาตกบ้าน จากนั้นถึงไปโรงเรียนซึ่งห่างไป 13 กิโลเมตร ทางโรงเรียนช่วยค่ารถวันละ 14 บาท ตอนเลิกเรียนช่วยทำความสะอาดห้องพักครู ซึ่งคุณครูให้เดือนละ 200 บาท ส่วนอาหารกลางวัน แม่ค้าที่โรงเรียนสงสารให้กินฟรี บางครั้งก็ช่วยเขาล้างจาน
ตอนเย็นกลับจากโรงเรียน หากวันไหนมีเงินก็ไปตลาดซื้อกับข้าวไปทำให้คนในบ้านกิน และยังต้องสอนการบ้านให้น้องๆ เสาร์-อาทิตย์ก็ไปรับจ้างที่ร้านขายของเก่า หรือถ้าวันไหนเงินที่บ้านหมดก็หยุดเรียนออกไปรับจ้างทำงาน ทุกวันจะไหว้พระเพื่อขอพร อยากเรียนหนังสือให้จบสูงๆ จะได้ทำงานหาเงินส่งเสียให้น้องได้เรียนต่อ ให้แม่และตามีความสุขมากกว่านี้
นางฌารินีกล่าวว่า อยากจะขอวิงวอนสื่อช่วยกระจายข่าว เผื่อจะมีผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือน้องปูเป้ อย่างน้อยก็เป็นทุนการศึกษา ทางโรงเรียนขอรับรองว่าน้องปูเป้เป็นเด็กดี เรียนเก่ง มีจิตสาธารณะ ชอบช่วยเพื่อนๆ ช่วยงานครูเป็นประจำ เป็นคนกตัญญูที่น่ายกย่องส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับผู้ใจบุญสามารถช่วยเหลือน้องปูเป้ได้ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวังสะพุง ชื่อบัญชี ด.ญ.ณัฐริกา เบ้าบุญตี๋ เลขที่บัญชี 020 039 385 480