ฉะเชิงเทรา - ไอ้โม่งขาเป๋สวมชุดดำควงปืนบุกเดี่ยวชิงเงินสดจากธนาคารทหารไทย สาขาบางวัว ได้เงินสดไปกว่า 7 แสนบาท ก่อนเผ่นหนีลอยนวล ตำรวจเชื่อคนร้ายรู้ลาดเลาเป็นอย่างดี เหตุทราบถึงจุดที่ซ่อนตู้เซฟเก็บเงินภายในธนาคาร ก่อนปรี่ตรงเข้าไปลงมือจี้จนถึงห้องชั้นในของธนาคาร
วันนี้ (7 ก.ค.) ร.ต.ท.นพดล ทวีชาติ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายสวมชุดดำบุกเข้ามาใช้อาวุธปืนจี้ชิงเงินสดจากภายในธนาคารทหารไทย สาขาบางวัว ตั้งอยู่ริมถนนสายบางนา-ตราด กม.42 ด้านฝั่งขาเข้า กทม. ได้เงินสดไปกว่า 7 แสนบาท ก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปยังในเขตท้องที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุภายในธนาคารทหารไทย สาขาบางวัว ตั้งอยู่เลขที่ 196/4 ม.1 ต.บางวัว พบพนักงานกำลังตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น จากการสอบสวน น.ส.พรพรรณ เจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/32 ม.3 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พนักงานธนาคารที่อยู่ภายในห้องเก็บเงินด้านในให้การว่า ได้เห็นคนร้ายซึ่งเป็นคนแปลกหน้าบุกเข้ามาจนถึงภายในห้องเก็บเงินชั้นใน ก็รู้สึกผิดปกติอยู่แล้ว ก่อนที่คนร้ายจะชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ พร้อมกับบังคับให้เปิดตู่เซฟให้ก่อนที่คนร้ายจะนั่งลงรีบหยิบเงินที่อยู่ภายในตู้เซฟใส่ถุงผ้าสีเขียวไปจนหมด
จากนั้นคนร้ายได้ออกมาใช้อาวุธปืนจี้ น.ส.นารี ประทา และ น.ส.วรวรรณ เตชะมา พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ให้ออกไปจากบริเวณด้านหน้าเคาน์เตอร์ และลงมือหยิบนำเงินจากหน้าเคาน์เตอร์ใส่ถุง ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีออกจากธนาคารไป โดยคนร้ายเป็นชายลักษณะการเดินขากะเผลก เป๋ที่ขาด้านขวา สวมหมวกกันน็อกสีดำ ชุดเสื้อคลุม และกางเกงสีดำ ขับรถจักรยายนต์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เบื้องต้นคนร้ายได้เงินสดไปจำนวนกว่า 7 แสนบาท ซึ่งคาดว่าคนร้ายนั้นเป็นคนที่รู้จักลาดเลาภายในธนาคารเป็นอย่างดี เพราะสามารถรู้ถึงแหล่งที่เก็บซ่อนเงิน ห้องตู้เซฟว่าอยู่ในห้องใด จนสามารถเดินตรงเข้าไปหายังภายในห้องเก็บตู้เซฟได้ในทันที หลังจากที่เดินเข้ามาภายในธนาคาร โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนแบบแมกกาซีนไม่ทราบขนาด เป็นอาวุธในการลงมือก่อเหตุ
ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารนั้น มีเพียง รปภ.ที่ไม่มีอาวุธปืนประจำกาย เพียง 1 คนเท่านั้น ขณะเกิดเหตุจึงไม่มีอาวุธที่จะใช้ในการต่อสู้กับคนร้าย
