ประจวบคีรีขันธ์ - นักท่องเที่ยวเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.หัวหิน หลังเจอบิลค่าอาหารที่เปิดขายบริเวณชายหาดหัวหิน ราคาแพงเกินจริง 7,480 บาทแล้ว เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาไม่ให้นักท่องเที่ยวถูกเอารัดเอาเปรียบอีก ขณะที่ตำรวจเชิญตัวแม่ค้ามาสอบสวนพร้อมเคลียร์ปัญหา ผลแม่ค้าขายอาหารแพง ยอมขอโทษ ด้าน ผบก.ประจวบฯ เผยจากการตรวจสอบพบมีร่องรอยการแก้ไขราคาจริงในหลายรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวเข้าร้องเรียนต่อตำรวจท่องเที่ยว และเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังเจอบิลค่าอาหารที่เปิดร้านชายบริเวณหาดหัวหิน จำนวน 7,480 บาท เมื่อเย้นวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ต่อมา เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ลัดดา ชุ่มฉิม อายุ 22 ปี นักท่องเที่ยวจาก จ.นนทบุรี ผู้เสียหาย พร้อมครอบครัวได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.พยุงศักดิ์ จงดี พนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน กรณีบิลค่าอาหารที่แพงเกินความจริง พร้อมทั้งนำเอกสารสำเนาบิลค่าอาหารที่ได้แจ้งไว้ต่อตำรวจท่องเที่ยวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
โดย น.ส.ลัดดา เชื่อว่าราคาค่าอาหารในเมนูที่ดูได้ในตอนแรกกับเมนูที่นำมาใช้คิดเงินนั้นเป็นคนละราคากัน อยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ โดยใช้เวลาสอบสวนอยู่นานซึ่งในการแจ้งความครั้งนี้ มี พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางมาร่วมฟังการสอบสวนด้วย
จากนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัว นางบุษบา พราหมณ์โต เจ้าของร้านอาหารร้านที่ 12 ริมชายหาดหัวหิน ที่ถูกระบุว่า เป็นร้านอาหารที่ขายอาหารแพงเกินความเป็นจริง มาให้ข้อมูลในส่วนของแม่ค้าที่ถูกพาดพิงถึง โดย นางบุษบา ได้เดินทางมาพร้อมลูกชาย และญาติๆ โดยมีเพื่อนแม่ค้าบางส่วนเดินทางมาติดตามข่าวที่ สภ.หัวหิน ด้วยหลายราย
นางบุษบา พราหมณ์โต เจ้าของร้านอาหารร้านที่ 12 ริมชายหาดหัวหิน ให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนว่า ได้ขายอาหารตามราคาในเมนูอาหาร และได้ให้ลูกค้าเมนูก่อนที่จะสั่งอาหารแล้ว โดยราคาค่าอาหารที่สูงนั้น ก็เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ซื้อจากตลาดมีราคาสูงด้วยจึงจำต้องขายในราคาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ทางด้าน น.ส.ลัดดา ชุ่มฉิม นักท่องเที่ยวก็ยืนยันข้อมูลว่า ตนไม่ได้โกหก และต้องการพูดความจริง รวมถึงไม่ได้เกาะกระแสเฟซบุ๊กเพื่อจะโด่งดังใดๆ และไม่ได้ต้องการค่าอาหารที่เสียไปกลับคืน แต่ต้องการให้แม่ค้าลดราคาค่าอาหารลงให้เป็นมาตรฐาน เป็นราคาที่เป็นธรรมสำหรับนักท่องเที่ยว ต้องการให้เป็นแบบอย่าง เพราะไม่อยากให้นักท่องเที่ยวคนอื่นถูกเอาเปรียบแบบเดียวกับตน
ด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในคดีนี้เข้าข่ายฉ้อโกง เบื้องต้นนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ และพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว พร้อมทั้งเอาเมนูที่ถูกกล่าวถึงมาตรวจสอบ พบมีร่องรอยการแก้ไขราคาจริงในหลายรายการ
ทั้งนี้ ทางเจ้าทุกข์ไม่ได้ต้องการดำเนินคดีต่อแม่ค้า แต่ต้องการให้เป็นกรณีศึกษาและให้แม่ค้าลดราคาลง ซึ่งตนได้เจรจาไกล่เกลี่ยสุดท้าย จบลงที่การประนีประนอมกัน โดยฝ่ายนางบุษบา ได้ยอมขอโทษ น.ส.ลัดดา จากนั้นทั้งหมดจึงได้ไปลงประจำวันเพื่อยุติการแจ้งความแล้ว
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีนี้ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 จ.เพชรบุรี เพื่อขอหารือในเบื้องต้นแล้ว มีแนวโน้มว่า หากไม่สามารถตกลงราคากันได้ และยังขายแพงอย่างที่เป็นอยู่ อาจไม่อนุญาตให้ขายอาหารกันอีกต่อไป แม้จะมีการจัดระเบียบชายหาดเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม โดยเมื่อจัดระเบียบชายหาดแล้ว จะมีการประชุมหารือร่วมกันทุกฝ่ายอีกครั้งเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาราคาอาหารที่ขายแพงเกินความจริงที่ชายหาดหัวหิน ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เทศบาลเมืองหัวหิน และอำเภอหัวหิน พร้อมทหารจะเข้าดำเนินการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน โดยเฉพาะผู้ระกอบการ จำนวน 66 ราย จะต้องรื้อถอนเพิงพัก และร้านค้าต่างๆ ออกไปจากแนวชายหาดหัวหินทั้งหมด เพื่อคืนชายหาดหัวหินให้กลับสู่สภาพเดิม” พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าว