อุดรธานี - จับได้แล้ว 2 โจรพี่น้องตระเวนใช้เครื่องเป่าแก๊สตัดเหล็กขโมยเงินในตู้เอทีเอ็ม 5 แห่งทั่วเมืองอุดรฯ พบผู้ต้องหาเป็นพระลูกวัดใน อ.หนองหาน อีกรายเป็นน้องชายอายุ 17 ปี เคยเรียนด้านช่าง พี่ชายเผยต้องการนำเงินไปรักษาโรคต่อมไทรอยด์อักเสบ ส่วนน้องยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง
วันนี้ (8 ส.ค.) พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนภาค 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 4 ร่วมกันแถลงการจับกุมนายปรวิทย์ รักภักดี อายุ 30 ปี พระลูกวัดโคกสีวนาราม หมู่ 1 ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 7 บ้านคำโป้งเป้ง ต.ค่ายบกหวาน อ.เมือง จ.หนองคาย
และนาย ก. (นามสมมติ) อายุ 17 ปี น้องชายนายปรวิทย์ ผู้ลงมือใช้เครื่องเป่าแก๊สตัดเหล็กตู้เอทีเอ็มใน จ.อุดรธานี ข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ พร้อมของกลางรถกระบะนิสสัน ฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ผค 3242 อุดรธานี และรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผค 2844 อุดรธานี ถังลม ถังแก๊ส สายและหัวตัดแก๊ส หมวกไอ้โม่งสีดำ เป้สีดำ ชะแลง
นายปรวิทย์รับสารภาพว่าน้องชายมาชักชวนตนให้ไปร่วมก่อเหตุขโมยเงิน โดยครั้งแรกก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์หน้าโรงงานยางพาราไทฮั้ว ต.โพนงาม อ.หนองหานได้เงินประมาณ 20,000 บาท เมื่อได้เงินแล้วก็ไปซื้ออุปกรณ์ตัดแก๊ส จากนั้นได้ออกก่อเหตุครั้งที่ 2 วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ตู้เอทีเอ็มไทยพาณิชย์ และธนาคารออมสิน ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ ได้เงินไป 30,000 บาท โดยทิ้งอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุไว้ที่เกิดเหตุ
ครั้งที่ 3 วันที่ 4 สิงหาคมไปใช้เป่าตัดเหล็กที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าโรงเรียนบ้านเลื่อม อ.เมือง แต่ไม่สำเร็จ เพราะแก๊สและลมหมด จึงต้องหลบหนีโดยไม่ได้เงินไป
ล่าสุดวันที่ 6 สิงหาคมได้ชวนกันลงมืออีก โดยตัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าร้านปุ๊ก มินิมาร์ท ต.นาข่า อ.เมือง แต่ไม่ได้เงินเพราะแก๊สและลมหมดอีก และถังแก๊สยังล้มไปถูกกระจกร้านมินิมาร์ทแตก จึงเข้าไปเปิดตู้แช่น้ำชาเขียวนำออกมาดื่ม แล้วขับรถออกไปยังตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้าร้านวงเดือนผ้าไทย ตลาดผ้านาข่า โดยตนเดินลงไปดูเฉยๆ เพราะอยู่ใกล้บ้านเรือนชาวบ้าน ส่วนเงินที่ได้จากการงัดตู้เอทีเอ็ม นำมาแบ่งกันนำไปใช้ หากตำรวจยังจับพวกตนไม่ได้ก็จะลงมือก่อเหตุไปเรื่อยๆ
พล.ต.ท.เดชณรงค์กล่าวว่า ทั้งสองคนถูกจับขณะที่นาย ก. ขับรถขนของไปส่งพี่สาวที่จ.นครปฐม ส่วนนายปรวิทย์บวชเป็นพระที่วัดโคกสีวนาราม หมู่ 1 ต.โพนงาม อ.หนองหาน และป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพ็ญ
ก่อนหน้านี้นายปรวิทย์เคยก่อเหตุงัดเซฟ และมีหมายจับในท้องที่ จ.หนองคาย หนีหมายจับไปบวชเมื่อเดือนกรกฎาคม ส่วนนาย ก. เคยศึกษาอยู่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมต่อเรือหนองคาย จึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้แก๊สตัดเหล็ก โดยนายปรวิทย์ต้องการเงินไปรักษาตัวเองที่ป่วยโรคต่อมไทรอยด์อักเสบ ส่วนนาย ก. ต้องการหาเงินไปใช้จ่าย เนื่องจากไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง