ศูนย์ข่าวขอนแก่น- หลังจากจังหวัดขอนแก่น ได้ย้ายสถานีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ บริเวณถนนหน้าเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ไปอยู่สถานีขนส่งแห่งที่ 3 บริเวณถนนทางเลี่ยงเมือง ห่างจากตัวเมืองมากกว่า 10 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนจำนวนมากประสบปัญหาไม่ได้รับความสะดวก ที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายนั่งรถแท็กซี่ หรือรถตุ๊กตุ๊ก เดินทางต่อเพื่อเข้ามาทำธุระในตัวเมืองขอนแก่น
ประชาชนที่ใช้บริการรถปรับอากาศทั้งชาวจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนผู้ที่เดินทางไกลมาจากกรุงเทพฯ หรือจังหวัดในพื้นที่ภูมิภาคอื่น ต่างประสบปัญหาการเดินทางไปยังสถานที่ตั้งสถานีขนส่งแห่งใหม่ และบางส่วนยังไม่ทราบว่า ย้ายสถานีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศออกไปตั้งอยู่บริเวณถนนเลี่ยงเมือง โดยเฉพาะหากเร่งรีบในการเดินทางต้องเผื่อเวลานับชั่วโมง เนื่องจากสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งใหม่นี้ อยู่ห่างจากตัวเมือง ที่ตั้งเดิมของสถานีรถปรับอากาศเดิมกว่า 10 กิโลเมตร
ผู้มาใช้บริการรถโดยสารปรับอากาศเป็นประจำรายหนึ่ง กล่าวว่า เดินทางเข้ามาขอนแก่นโดยนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ มาติดต่อลูกค้าที่นี่ โดยตั้งแต่ย้ายปรับอากาศออกไปช่วง5-6 เดือนที่ผ่านมา มาใช้บริการเป็นครั้งที่ 2 เกิดปัญหาด้านเวลา ไม่สะดวกอย่างมาก และหากนั่งแท็กซี่บางคันก็ไม่กดมิเตอร์ โดยคิดราคาแบบเหมาจ่าย 120 บาท เป็นการฉวยโอกาสที่ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ใช้บริการ
ด้านนายมนัญชัย ชัยปัญญา พนักงานบริษัทรถโดยสารแห่งหนึ่งที่ให้บริการยอมรับว่า ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชน ไม่มีเงินเหมารถไป บขส.แห่งใหม่ เพราะทั้งรถบริการแท็กซี่ และรถสามล้อเครื่อง คิดราคาแบบเหมาจ่ายสูงถึง 120 บาท หากนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างราคาอย่างต่ำ 100 บาท
ดังนั้น บริษัทจึงจัดรถตู้บริการรับ-ส่งลูกค้าฟรี โดยรับส่งวันละร่วม 40 เที่ยว โดยจัดไว้ 2 คัน ทำให้ทางบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 35,000 บาท
ขณะผู้ที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดจะเสียค่าบริการฝากรถวันละ 40 บาท โดยมองว่าการย้าย บขส.ออกจากตัวเมือง มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ด้วยเหตุผลต้องการลดการแออัดยวดยานพาหนะที่เคยมีรถโดยสารประจำทางวิ่งเข้า-ออกในตัวเมือง ก็ถือเป็นข้อดีในการแก้ไขปัญหาจราจร แต่อีกด้านก็กระทบต่อผู้ใช้บริการอย่างเลี่ยงไม่ได้
จากปัญหาดังกล่าวนี้ นายรุ่งโรจน์ สิงห์มี หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานขนส่ง รักษาการแทนหัวหน้างานสถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 3 เปิดเผยว่า แม้ว่าที่ผ่านมาประชาชนออกมาค้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหา
ด้านความปลอดภัย ได้ติดไฟฟ้าให้สว่างเพียงพอ พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ สห.และตำรวจท่องเที่ยว สายตรวจ สภ.ย่อยเมืองเก่า ที่ผลัดกันดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการตลอด 24 ชม.
ขณะที่การเดินทางได้อำนวยความสะดวกให้มีจุดบริการรถแท็กซี่กดมิเตอร์ และรถสามล้อเครื่อง รถจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงรถตู้ รถเมล์สาย 8 สาย 4 และสาย 3 ที่ออกให้บริการตลอด 24 ชม.
จากเสียงสะท้อนของประชาชนทั้งข้อดี และข้อเสียจากการย้ายสถานีขนส่งรถโดยสารออกไปตั้งนอกเมือง ซึ่งไกลจากตัวเมืองมากกว่า 10 กิโลเมตร และแน่นอนว่า มาถึงขณะนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การจัดการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของรถโดยสารสาธารณะ ให้มีความถี่ของเที่ยววิ่งบริการเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ทันต่อเที่ยวบริการของรถโดยสารประจำที่เข้า-ออก ณ สถานีขนส่งแห่งใหม่
รวมถึงมาตรการคุมเข้มราคาค่าโดยสารของรถสาธารณะทุกชนิด ไม่ให้สูงจนกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อประชาชนผู้ใช้บริการ หากแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เท่ากับเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง