“จันทบุรี” เฝ้าระวัง “โรคอีโบล่า” แพร่ระบาดในกลุ่มพ่อค้าพลอยจากแอฟริกา

ศูนย์ข่าวศรีราชา - จังหวัดจันทบุรี เร่งรณรงค์ให้ความรู้การป้องกันโรคอีโบล่า ในกลุ่มพ่อค้าพลอยที่มีประวัติเดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก และเรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน

วันนี้ (4 ส.ค.) นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขจังหวัด และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจเยี่ยมชาวโมซัมบิก กินี และมาลี รวมทั้งพ่อค้าพลอยชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพักอาศัยในอเล็กซ์ แมนชั่น ต.ตลาด อ.เมือง เพื่อรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจแก่ชาวโมซัมบิก ชาวมาลี และกินี รวมทั้งคนไทยไม่ให้ตื่นกลัวต่อข่าวการแพร่ระบาดของโรคอีโบล่า

โดยประเทศไทยมีการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้น ตั้งแต่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งช่องทางเข้าประเทศตามด่านพรมแดนต่างๆ ขณะที่ในส่วนของจังหวัดได้มีมาตรการป้องกัน และคัดกรองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการจับตาเป็นพิเศษกับกลุ่มพ่อค้าพลอยชาวแอฟริกา ที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก อาทิ กินี ไลบีเรีย เซียราลีโอน และโมซัมบิก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ หากพบผู้ป่วยที่มีอาการต้องสงสัย คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ ข้อ และช่องท้องจะเฝ้าระวังติดตามเป็นพิเศษ หากพบว่าเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อร้ายแรงจริง จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผลักดันกลับประเทศตามมาตรา 12 ต่อไป ส่วนพ่อค้าพลอยชาวไทยที่เดินทางไปซื้อพลอยในกลุ่มประเทศดังกล่าว และกลับเข้ามาในราชอาณาจักร จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคเบื้องต้น

หลังจากนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยชาวไทย ซึ่งเป็นพ่อค้าพลอยชาว จ.จันทบุรี ที่มีอาการป่วยจากโรคมาลาเรีย ทราบชื่อคือ นายธนนรินทร์ คาราวะวิวัฒน์กุล อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ใน ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี ที่เข้าตรวจรักษายังโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี ล่าสุด ได้ย้ายเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี พบว่า อาการดีขึ้นเป็นลำดับ และยังอยู่ในห้องปลอดเชื้อ

นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้ นายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทนชาวแอฟริกา เพื่อหามาตรการรณรงค์ป้องกันโรคอีโบล่า เนื่องจาก จ.จันทบุรี มีชาวแอฟริกาเดินทางเข้ามาซื้อขายพลอย และพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาตรการป้องกันเบื้องต้นได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไม่สัมผัสโดยตรงกับผู้มีอาการป่วย ไม่ใช้ของร่วมกัน บริโภคอาหารที่ปรุงสุก และควรล้างมือบ่อยๆ