ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ธปท.อีสานเผยแบงก์ปลอมระบาดในอีสานไม่น่าห่วง แต่พบแบงก์ 1,000 ปลอมที่อุบลราชธานี พร้อมแนะวิธีสังเกตธนบัตรปลอม “สัมผัส ยกส่อง พลิกเอียง” ด้านภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังชะลอตัว ยอดขายปลีกรถยนต์ใหม่ยังคงลดลง
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ห้องประชุม 301 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายธเนศชัย อังวราวงศ์ ผู้อำนวยการ ธปท.สภอ. เป็นประธานงานแถลงข่าวเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2557 โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสังคมคือการระบาดของธนบัตรปลอมฉบับละ 1,000 บาทในหมวด 9A นั้นไม่พบการระบาดในระบบเศรษฐกิจฐานล่างในตลาดชุมชนมากนัก แต่พบธนบัตรปลอมบ้างในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ขณะที่ จ.ขอนแก่น และจังหวัดอื่นยังไม่พบธนบัตรปลอมระบาด แต่ได้เฝ้าระวังเนื่องจากธนบัตรปลอมมีการพัฒนาเรื่องฟอยล์คล้ายกับธนบัตรจริงบ้างแล้ว
จากข้อมูลพบว่า ธนบัตรปลอมชนิดราคา 1,000 บาท หมายเลข 9ฉA 3828862 และหมายเลข 9ฉA 3828863 เข้ามาในระบบ มีลักษณะแตกต่างจากธนบัตรจริง สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า คือ ไม่ปรากฏลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ โดย ธปท.สภอ.ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อติดตาม และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องวิธีสังเกตธนบัตร
ทั้งนี้ ธปท.สภอ.ขอความร่วมมือประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังและสังเกตก่อนรับธนบัตรด้วยวิธีง่ายๆ 3 วิธี ประการแรกการสัมผัส โดยเนื้อกระดาษธนบัตร เป็นกระดาษชนิดพิเศษ มีความเหนียว แกร่ง ทนต่อการพับดึง และให้ความรู้สึกแตกต่างจากกระดาษทั่วไป และการสัมผัสตัวเลขแจ้งราคา และคําว่ารัฐบาลไทยจะรู้สึกสะดุดกับหมึกพิมพ์
วิธีต่อมาคือการยกส่อง เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างจะเห็นลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในเนื้อกระดาษอย่างชัดเจนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมถึงรูปลายไทยขนาดเล็กที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ และแถบสีโลหะฝังอยู่ในเนื้อกระดาษ บนแถบมีตัวเลขแจ้งชนิดราคาหรือตราสัญลักษณ์ฯ ด้วย และวิธีสุดท้ายคือการพลิกเอียง บริเวณมุมของธนบัตร พิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์ชนิดพิเศษ เมื่อพลิกธนบัตรไปมาสีของตัวเลขจะเปลี่ยนสลับจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งได้
ส่วนผู้ที่ได้รับธนบัตรปลอม หรือสงสัยว่าเป็นธนบัตรปลอมขอความร่วมมือไม่ให้นําออกใช้เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย แต่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตํารวจ หากการแจ้งเบาะแสนี้นําไปสู่การจับกุมผู้กระทําความผิดฐานปลอมแปลงธนบัตร ผู้แจ้งจะได้รับรางวัลนําจับด้วย
นายธเนศชัย อังวราวงศ์ ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจอีสานโดยรวมในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2557 ว่า เริ่มทรงตัวจากไตรมาสแรกปีนี้หลังจากที่ชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนทรงตัว แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในหมวดสินค้าบริโภค เนื่องจากความเชื่อมั่นของประชาชนที่ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมากหลังจากสถานการณ์การเมืองชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดการใช้จ่าย วัดได้จากยอดค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าและการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวดี แต่ยอดจดทะเบียนรถยนต์และค้าปลีกรถยนต์ยังคงลดลง จากผลการสิ้นสุดมาตรการรถยนต์คันแรก
แนวโน้มระยะต่อไปคาดว่าการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคจะถูกจำกัดด้วยการชะลอตัวตามการก่อสร้าง แต่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นบ้างจากแรงสนับสนุนของนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนขึ้น หากบรรยากาศการลงทุนและการส่งออกยังคงเป็นเช่นปัจจุบันคาดว่าการลงทุนในระยะต่อไปน่าจะขยับตัวสูงขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิถุนายนตามการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในหมวดเงินเดือน เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อจากรายได้เกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ จากผลของมาตรการของภาครัฐที่ยังรอความชัดเจน อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรหลักทั้งข้าว มันสำปะหลัง และยางพารายังคงหดตัวตามราคาตลาดโลก ยกเว้นน้ำตาลทราย ได้แรงสนับสนุนจากผลผลิตน้ำตาลโลกที่ลดลงจากภัยธรรมชาติและการบริโภคที่เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.95 แต่เริ่มชะลอตัวในเดือนมิถุนายนตามราคาอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากการตรึงราคาก๊าซหุงต้มและราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงจากมาตรการของทางการ สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้จะปรับสูงขึ้นจากช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2557 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.7
