xs
xsm
sm
md
lg

เตือนแบงก์พันเก๊ระบาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ธปท.ออกโรงเตือนระวังแบงก์พันปลอมระบาด แนะแจ้งเจ้าที่ทันทีหากพบ และขอความร่วมมืออย่านำออกใช้ ขณะที่ต่างจังหวัดพบอื้อหลายสกุลเงิน ล่าสุด ตร.ภาค 3 ขยายผลจับแก๊งค้าดอลลาร์ปลอม ตะลึง! ตรวจยึดธนบัตรต่างประเทศปลอมหลายสกุลเงินได้ล็อตใหญ่กว่า 1,800 ฉบับคิดเป็นมูลค่ามหาศาลร่วม 3 หมื่นล้านบาท

นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีประชาชนพบธนบัตรปลอมชนิดราคา 1000 บาทนั้น ขณะนี้ ธปท.ทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งได้ตรวจสอบ และพบว่ามีธนบัตรปลอมชนิดราคา 1,000 บาท หมายเลข 9 ฉ A3828862 และหมายเลข 9ฉA3828863 เข้ามาในระบบซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากธนบัตรจริงที่สำคัญสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าคือ ไม่ปรากฏลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์
ทั้งนี้ ธปท.ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องวิธีสังเกตธนบัตร พร้อมกันนี้ ธปท.ขอความร่วมมือจากประชาชนเพิ่มความระมัดระวังและสังเกตก่อนรับธนบัตรด้วยวิธีง่าย ๆ 3วิธีคือ การสัมผัสที่ เนื้อกระดาษธนบัตรจะเป็นกระดาษชนิดพิเศษมีความเหนียว แกร่ง ทนต่อการพับดึงและให้ความรู้สึกแตกต่างจากกระดาษทั่วไป และการสัมผัสตัวเลขแจ้งราคาและคำว่ารัฐบาลไทยจะรู้สึกสะดุดกับหมึกพิมพ์นอกจากนั้น ให้ยกส่อง โดยเมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างจะเห็นลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในเนื้อกระดาษอย่างชัดเจน ทั้งด้านหน้า และด้านหลังรวมถึงรูปลายไทยขนาดเล็กที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ และแถบสีโลหะฝังอยู่ในเนื้อกระดาษบนแถบมีตัวเลขแจ้งชนิดราคา หรือตราสัญลักษณ์ฯด้วยสุดท้ายคือ การพลิกเอียง เนื่องจากบริเวณมุมของธนบัตร พิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์ชนิดพิเศษ เมื่อพลิกธนบัตรไปมา สีของตัวเลขจะเปลี่ยนสลับจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งได้
สำหรับผู้ที่ได้รับธนบัตรปลอม หรือสงสัยว่าเป็นธนบัตรปลอม ขอความร่วมมือไม่นำออกใช้ เพราะถือว่าจะมีความผิดตามกฎหมาย แต่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากการแจ้งเบาะแสนี้น ไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดฐานปลอมแปลงธนบัตร ซึ่งผู้แจ้งจะได้รับรางวัลนำจับ.
**ยึดธนบัตรปลอม3หมื่นล้าน**
วานนี้ (29 ก.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้ขยายผลการจับกุมแก๊งค้าธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอม สามารถตรวจยึดธนบัตรต่างประเทศปลอมแปลงหลายสกุลเงินได้เป็นจำนวนมากกว่า 1,800 ฉบับ ทั้งดอลลาร์สหรัฐ, ดีนาร์คูเวต (KWD) และคูน่าโครเอเชีย (HRK) คิดเป็นมูลค่าเงินบาทไทย รวมกว่า 29,304 ล้านบาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ทพ.2302, ฉก.ปทส.กก.สส.ภ.จว.ศก., ร้อย.ตชด.224, สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้สนธิกำลังรวม 15 นายร่วมกันล่อซื้อและจับกุม นายอัมพร กิ่งแก้ว อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ม.10 บ้านหนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ตลาดเมืองทอง ข้างสถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.กันทรลักษ์
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่ามีแก๊งค้าเงินดอลลาร์ปลอมเข้ามาเคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยในพื้นที่ อ.ขุขันธ์ และ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ จึงได้ร่วมกันทำการซ้อนแผนและล่อซื้อโดยให้มาส่งในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จนสามารถจับกุมตัว พร้อมของกลางธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมฉบับละ 1 ล้านบาท จำนวน 2 ฉบับ
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้นำธนบัตรดังกล่าวมาจากคนรู้จักที่กรุงเทพฯ โดยซื้อมาในราคา 3 แสนบาทและได้นำมาเพื่อแลกเปลี่ยนในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ หากสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยได้จะมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ตามการขึ้นลงของค่าเงินบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำการขยายผลสืบสวนหาผู้ต้องหารายใหญ่ ที่ สภ.กันทรลักษ์
ต่อมาจากการขยายผลดังกล่าวตำรวจภูธรภาค 3 สามารถตรวจยึดของกลาง และธนบัตรต่างประเทศปลอมแปลงได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย 1.ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ ฉบับละ 100 ดอลลาร์จำนวน 1 ฉบับ, ฉบับละ 1 ล้านดอลลาร์ จำนวน 199 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าเงินบาท 6,368,003,200 บาท (หกพันสามร้อยหกสิบแปดล้านสามพันสองร้อยบาท) 2.เงินโครเอเชีย 100,000 คูน่า (HRK) จำนวน 15 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าเงินบาท 150,000 บาท
3.เงินคูเวต 2,000,000 ดีนาร์คูเวต (KWD) จำนวน 100 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าเงินบาท 22,600,000,000 บาท (สองหมื่นสองพันหกร้อยล้านบาท) 4.เงินคูเวต 2,000 ดีนาร์คูเวต จำนวน 1,191 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าเงินบาท 269,166,000 บาท (สองร้อยหกสิบเก้าล้านหนึ่งแสนหกหมื่นหกพันบาท) 5.เงินคูเวต 2,000 ดีนาร์คูเวต จำนวน 296 ฉบับ (จากการล่อซื้อ) คิดเป็นมูลค่าเงินบาท 66,896,000 บาท (หกสิบหกล้านแปดแสนเก้าหมื่นหกพันบาท) 6.เอกสารการสั่งปลอมแปลงธนบัตร จำนวน 5 ฉบับ 7.สมุดบันทึกการซื้อขายธนบัตรปลอมแปลงสกุลเงินต่างๆ จำนวน 1 เล่ม และ 8.กระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 23 นัด
รวมคิดเป็นมูลค่าเงินบาทไทยจำนวน 29,304,215,200 บาท (สองหมื่นเก้าพันสามร้อยสี่ล้านสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อย) และขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจค้นบ้านเป้าหมายสำคัญเพิ่มเติม ซึ่งผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น