ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ประธานสภาเกษตรกรเชียงใหม่นำชาวสวนลำไยยื่นหนังสือเรียกร้องกำหนดราคากลางรับซื้อไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตและชดเชยส่วนต่าง หลังเดือดร้อนหนักเหตุพ่อค้ารับซื้อขาดทุนเฉลี่ย กก.ละ 4 บาท
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสมหมาย คำมาสาร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ และนายเหรียญ เรือนแก้ว นายกสมาคมชาวสวนลำไยไทย นำชาวสวนลำไยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เพื่อยื่นข้อเสนอการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำในปีการผลิตปี 2557 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 57 ได้ยื่นหนังสือไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ปี 2557 คาดว่าจะมีผลผลิตลำไยของ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 270,000 ตัน จาก 530,000 ตันของภาคเหนือ และจะเก็บผลผลิตมากที่สุดช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งระบบการจัดการ 60% จะเป็นการเก็บผลผลิตลักษณะรูดร่วง เพื่อนำไปแปรรูป แต่ปรากฏว่าถูกกดราคารับซื้อต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยต้นทุนการผลิตลำไยเกรด AA กก.ละ 20 บาท A กก.ละ 15 บาท เหรด B กก.ละ 10 บาท และราคาเฉลี่ยประมาณ 14.39 บาทต่อกิโลกรัม
โดยราคาในตลาดปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 19, 9 และ 4 บาท หรือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.35 บาท ทำให้เกษตรกรขาดทุนถึง 4 บาทต่อกิโลกรัม จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใดๆ ก็ตามให้เกษตรกรขายลำไยได้ในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุน
ขณะที่นายสมหมายกล่าวว่า ต้องการเรียกร้องให้บรรเทาความเดือดร้อนของชาวสวนลำไยโดยด่วน โดยข้อเสนอเป็นไปตามมติของการประชุมสภาเกษตกรจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องการให้ภาครัฐประกาศกำหนดราคากลางรับซื้อลำไยสดร่วงตามข้อเสนอ เพื่อให้ชาวสวนทุกอำเภอได้รับทราบราคากลาง และมีการชดเชยเงินส่วนต่างให้ จากที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้กำหนดราคามาตรฐานกลางไว้ที่กิโลกรัมละ 14.39 บาทให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจะติดตามข้อเรียกร้องอย่างใกล้ชิดต่อไป
โดยนายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า จะนำหนังสือและข้อเสนอรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมและเร่งด่วน
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสมหมาย คำมาสาร ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ และนายเหรียญ เรือนแก้ว นายกสมาคมชาวสวนลำไยไทย นำชาวสวนลำไยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เพื่อยื่นข้อเสนอการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำในปีการผลิตปี 2557 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 57 ได้ยื่นหนังสือไปแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ปี 2557 คาดว่าจะมีผลผลิตลำไยของ จ.เชียงใหม่ ประมาณ 270,000 ตัน จาก 530,000 ตันของภาคเหนือ และจะเก็บผลผลิตมากที่สุดช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งระบบการจัดการ 60% จะเป็นการเก็บผลผลิตลักษณะรูดร่วง เพื่อนำไปแปรรูป แต่ปรากฏว่าถูกกดราคารับซื้อต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยต้นทุนการผลิตลำไยเกรด AA กก.ละ 20 บาท A กก.ละ 15 บาท เหรด B กก.ละ 10 บาท และราคาเฉลี่ยประมาณ 14.39 บาทต่อกิโลกรัม
โดยราคาในตลาดปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 19, 9 และ 4 บาท หรือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.35 บาท ทำให้เกษตรกรขาดทุนถึง 4 บาทต่อกิโลกรัม จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใดๆ ก็ตามให้เกษตรกรขายลำไยได้ในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุน
ขณะที่นายสมหมายกล่าวว่า ต้องการเรียกร้องให้บรรเทาความเดือดร้อนของชาวสวนลำไยโดยด่วน โดยข้อเสนอเป็นไปตามมติของการประชุมสภาเกษตกรจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องการให้ภาครัฐประกาศกำหนดราคากลางรับซื้อลำไยสดร่วงตามข้อเสนอ เพื่อให้ชาวสวนทุกอำเภอได้รับทราบราคากลาง และมีการชดเชยเงินส่วนต่างให้ จากที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้กำหนดราคามาตรฐานกลางไว้ที่กิโลกรัมละ 14.39 บาทให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจะติดตามข้อเรียกร้องอย่างใกล้ชิดต่อไป
โดยนายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า จะนำหนังสือและข้อเสนอรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมและเร่งด่วน