xs
xsm
sm
md
lg

ทหารร้อยเอ็ดนำทีมสอบ “เจ้าอาวาส” ถูกนายทุนร้องโกงขายไม้พะยูงวัด 4.8 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร้อยเอ็ด - ทหาร ร่วม ตร. ฝ่ายปกครอง และสำนักพุทธเข้าสอบเจ้าอาวาสวัด หลังนายทุนซื้อไม้ร้องเรียน คสช.ถูกวัดฉ้อโกงขายไม้พะยูง 4.8 ล้านแต่ถูกจับกุมตัดไม้ในที่สาธารณะจึงต้องการขอเงินคืน ด้านเจ้าอาวาสวัดเผยไม่ได้โกง วัดขายไม้ 4 ต้นในที่ดินของวัด แต่เวลาตัดกลับไปเลือกตัดไม้นอกเขตวัดเองโดยทางวัดไม่ได้ไปดูและรู้เรื่องด้วย ส่วนเงินนำไปสร้างวัดหมดแล้วไม่มีคืนให้

วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากนางสุรดา แสนภักดี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ได้นำเงินสด 4,800,000 บาทมาซื้อไม้พะยูง 4 ต้น จากพระอธิการสุพจน์ สุทธิญาโน เจ้าอาวาส และกรรมการวัดศรีสว่างมงคล บ้านโนนสำราญ ต.ลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด แล้วถูกฉ้อโกงเงิน โดยไม่ได้ไม้พะยูงตามที่ตกลงซื้อขายกันไว้ จึงมีคำสั่งให้ หัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ร้อยเอ็ด เข้าไปทำการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด

ด้าน พล.ต.นคร สุขประเสริฐ หัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิบูลย์ วงก้อม รอง ผบก.ตร.ภ.จว.ร้อยเอ็ด, นายสมบัติ สิทธิสถาพรกุล นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน, นายบัญชายุทธ นาคบุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร้อยเอ็ด และ พ.ต.อ.สมพงษ์ พันธุ์ไชย ผกก.สภ.จตุรพักตรพิมาน จึงสนธิกำลังกันเดินทางไปที่วัดศรีสว่างมงคล บ้านโนนสำราญ ต.ลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อพบเจ้าอาวาสวัดและกรรมการวัด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ทั้งในกรณีการโกงเงินผู้ซื้อไม้, ตรวจสอบสถานที่ ซึ่งมีขายและตัดไม้ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน และการที่ทางวัดอ้างว่าขายไม้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเพื่อตรวจสอบว่าเงินที่ได้มามีการนำไปใช้ในส่วนที่เป็นกองกลาง เพื่อใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างวัดเพื่อส่วนรวมจริงหรือไม่อย่างไร

จากการตั้งวงสอบสวนข้อเท็จจริงต่อหน้าเจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และกรรมการวัด เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างมงคลชี้แจงว่า ก่อนหน้านั้นมีการขายไม้พะยูง 4 ต้น ซึ่งเข้าใจว่าอยู่ในที่ดินบริเวณวัด โดยผ่านมติความเห็นชอบของกรรมการวัดและชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน เห็นชอบที่จะขายต้นพะยูงในวัดที่เหลือจากการถูกลักลอบตัดไปแล้วหลายต้นเพื่อนำเงินมาสร้างวัด ดีกว่าไม้ที่เหลือถูกลักลอบตัดไปหมดโดยไม่ได้อะไรเลย และจับใครไม่ได้

จึงขายให้กลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นคนของคนชื่อ “แดง” ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลด้านการทำไม้ไปเมื่อวันที่ 27ก.พ. 2557 ในราคา 4.8 ล้านบาท เพื่อเอาเงินมาก่อสร้างศาลาการเปรียญที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่หลังจากขายไปแล้วยังไม่มีการจ่ายเงิน

ต่อมามี นางสุรดา แสนภักดี มาขอซื้อไม้ในราคาที่สูงกว่าก็ไม่ขายเพราะกลัวเสียสัจจะและแนะนำให้ไปซื้อจากคนขายชื่อ “แดง” ที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว

จากนั้นไม่นานนางสุรดาซึ่งไปตกลงกันกับผู้ซื้อไม้รายแรกได้แล้วก็นำเงิน 4.8 ล้านบาทมามอบแก่กรรมการวัดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2557 จากนั้นเข้าไปทำการตัดไม้ตามที่ตกลงกันไว้ แล้วมอบเงินเข้าบัญชีวัดเพื่อนำไปใช้สร้างศาลาและกุฏิวัดต่อไป

แต่ปรากฏว่าหลังจากที่กำลังตัดไม้ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2557 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกพื้นที่เข้าไปจับกุมกลุ่มคนที่นางสุรดาจ้างมาตัดไม้ ตั้งข้อหาว่าลักลอบตัดไม้หวงห้ามในที่ดินสาธารณประโยชน์ เพราะตรวจสอบว่ามีไม้พะยูง 1 ต้นที่ถูดตัดอยู่ในที่ดินสาธารณะนอกพื้นที่วัด และยึดไม้ทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จ.ร้อยเอ็ด ไปตรวจสอบ และส่งมอบผู้ต้องหา 4 คนแก่พนักงานสอบสวน สภ.จตุรพักตรพิมาน ดำเนินคดี

เป็นเหตุให้นางสุรดาไม่พอใจ และจะมาขอเงินคืนแต่ทางวัดไม่มีเงินคืนให้เนื่องจากใช้เงินในการสร้างวัดไปจนหมดแล้วไม่สามารถหาเงินคืนให้ เป็นเหตุให้นางสุรดาไปร้อง คสช.ว่าทางวัดโกงเงินซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

พระอธิการสุพจน์ สุทธิญาโน เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างมงคล กล่าวว่า ความจริงตนและกรรมการวัดไม่ทราบมาก่อนว่าต้นพะยูงต้นหนึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่วัดเพราะไม่เคยมีใครมาชี้แนวเขตให้ทราบตั้งแต่ต้น แม้แต่ตอนจะซื้อไม้นายทุนก็ไปดูกันเองว่ามีอยู่ 4 ต้นในเขตวัด และพอใจที่จะซื้อก็ปรึกษากันแล้วก่อนจะขาย จากนั้นก็ไม่เคยไปดูเลยให้เขาไปตัดกันเอง มาทราบเมื่อตำรวจจับแล้วว่าเป็นไม้นอกเขตวัด 1 ต้น และเมื่อโดนจับก็ยื่นคำขาดว่าทางวัดจะต้องไปเอาไม้ที่เขาซื้อแล้วมาคืนให้เขา หากไม่เช่นนั้นจะมาขอเงินคืน ปรากฏว่ากรรมการวัดนำเงินไปสร้างวัดหมดแล้วไม่มีเงินคืนให้ จึงไปแจ้งความและไปร้อง คสช.ว่าวัดโกง

“ทางวัดไม่ได้โกง เพราะต้นไม้ก็ไปเลือกดูกันเองก่อนจ่ายเงิน ตัดแล้วจึงรู้ว่าตัดผิดต้น แต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อวัดไม่มีเงิน เพราะเงินก้อนนั้นเหลือไม่ถึง 50,000 บาทเท่านั้น” พระอธิการสุพจน์กล่าว

ทางด้าน พ.ต.อ.สมพงษ์ พันธุ์ไชย ผกก.สภ.จตุรพักตรพิมาน กล่าวหลังจากการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า คดีนี้มีการแจ้งความด้วยกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จับกุมคนที่มาตัดไม้พะยูงในที่ดินสาธารณะ แจ้งความดำเนินคดีต่อคนของนางสุรดา และพวก

ส่วนคดีที่ 2 เป็นคดีที่นางสุรดา แสนภักดี แจ้งความดำเนินคดีต่อพระอธิการสุพจน์ สุทธิญาโน พร้อมกับกรรมการวัดในข้อหาฉ้อโกงเงิน ซึ่งอยู่ในระหว่างการสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินการสั่งฟ้องตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งสามารถดำเนินการส่งอัยการได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 วันต่อจากนี้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป

ขณะที่ พล.ต.นคร สุขประเสริฐ หัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ในส่วนของกระบวนการทางกฎหมายก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ และตนจะนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเสนอไปยังคณะกรรมการ คสช.ได้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น