น่าน - สสจ.น่าน เผยผลพิสูจน์ซากแมงมุม พบเป็น “แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล” จริง พบเพิ่มที่ “เวียงสา” ด้วย เตือนกลุ่มเสี่ยงโรคภูมิแพ้-โรคประจำตัว ต้องระวัง แต่ไม่เป็นอันตรายกับคนทั่วไป
วันนี้ (31 ก.ค.) นพ.ชรินทร์ ดีปินตา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่าน กลุ่มงานด้านเวชกรรมป้องกัน เปิดเผยถึงผลการตรวจซากแมงมุมที่พบในพื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่านว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุชัดแล้วว่า ซากแมงมุมดังกล่าว เป็นแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลจริง
ซึ่งขณะนี้นอกจากพื้นที่อำเภอท่าวังผาแล้ว ยังมีรายงานการพบแมงมุมลักษณะคล้ายแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลในพื้นที่อำเภอเวียงสาเพิ่มเติมอีกด้วย
นพ.ชรินทร์ กล่าวว่า แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล แม้จะมีพิษมากกว่างูเห่าถึง 3 เท่า แต่แมงมุมมีขนาดเล็ก ก็ทำให้พิษมีปริมาณน้อยมาก และมีผลต่อระบบประสาท แผลที่โดนกัดก็จะไม่เป็นเนื้อตาย ผู้ถูกแมงมุมชนิดนี้กัด จะรู้สึกเป็นตะคริว ระคายเคืองบริเวณที่กัดเท่านั้น หากรักษาอย่างถูกวิธีก็ไม่เป็นอันตราย
นพ.ชรินทร์ บอกว่า หากถูกแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลกัด ให้ใช้น้ำสะอาด และสบู่ล้างบริเวณแผลที่ถูกกัด ก่อนประคบด้วยน้ำแข็ง ห้ามใช้ของร้อน เช่นยาหม่องถูนวดเด็ดขาด
ส่วนในรายที่มีประวัติอาการแพ้พิษ หรือเป็นโรคภูมิแพ้ จำพวกแมลงสัตว์กัดต่อย และกลุ่มที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็งที่อยู่ในระยะการต้องให้เคมีบำบัด โรคไตวายเรื้อรัง ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ สุขภาพไม่แข็งแรง รวมไปถึงเด็กเล็ก และคนชรา ต้องเฝ้าระวังหากถูกแมงมุมกัด เนื่องจากแผลจะหายช้า อาจติดเชื้อมีภาวะแทรกซ้อน จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์
“ขอให้สังเกตอาการของตนเอง ถ้าบริเวณที่ถูกกัดมีลักษณะบวมแดงผิดปกติ และขยายวงกว้างเป็นบริเวณใหญ่ มีอาการหายใจติดขัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ต้องรีบพบแพทย์หรือสถานพยาบาลทุกแห่งเพื่อการรักษาที่ถูกต้องทันที และให้ทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้แมงมุมมาทำรังได้”