ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “มทภ.2” ยันชาวอีสานพอใจการทำงาน คสช.มากถึงร้อยละ 92 ระบุสลายสีเสื้อและปลดป้ายสัญลักษณ์หมู่บ้านเสื้อแดงในอีสานหมดเกลี้ยง เผยผลงานในห้วง 2 เดือนจัดระเบียบรถรับจ้างแล้วเสร็จ ปราบจับแก๊งตัดไม้ทำลายป่า 1,012 คดี ได้ผู้ต้องหา 558 ราย ยึดไม้พะยูงและไม้หวงห้ามอื้อกว่า 36,000 ท่อน และทวงคืนผืนป่าได้กว่า 4 หมื่นไร่ ย้ำเอาจริงใช้ กม.เชือดผู้บุกรุกป่าเด็ดขาด
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่ห้องประชุม 4 อาคารวิบูลศักดิ์ ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 ในรอบ 2 เดือน และมอบนโยบายกรอบแนวทางการปฏิบัติงานในอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและติดตามภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสานต่อนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการคืนความสุขให้แก่ประชาชน
พล.ท.ชาญชัยกล่าวว่า ผลการดำเนินการของกองกำลังต่างๆ ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน รวมทั้งการดำเนินการร่วมกับตำรวจและคณะทำงานของป่าไม้ พบว่า ความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินการของกองทัพ และ คสช.พอใจถึงร้อยละ 92 บางส่วนที่ยังไม่พึงพอใจเนื่องจากต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่สิ่งที่น่ายินดีคือการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือนมีการใช้กำลังอย่างละมุนละม่อม มีมาตรการเบาไปถึงหนัก จึงไม่มีการร้องเรียนมายังศูนย์ช่วยเหลือประชาชนของกองทัพภาคที่ 2
ส่วนการดำเนินการสลายสีเสื้อและปลดป้ายที่เป็นสัญลักษณ์หมู่บ้านเสื้อแดงนั้นได้ดำเนินการครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านเสื้อแดงหลงเหลือในพื้นที่ แต่ส่วนความคิดและทัศนคติของประชาชนนั้นชุดมวลชนสัมพันธ์ได้ลงไปทำความเข้าใจซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใด
สำหรับการจัดระเบียบให้บริการขนส่งสาธารณะรับจ้าง รถจักรยานยนต์ รถตู้ แท็กซี่ตามนโยบายของ คสช.นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบให้ถูกต้องแล้ว โดยปัจจุบันมีวินรถจักรยานยนต์ 321 วิน จำนวน 4,222 คัน วินรถตู้ 84 วิน จำนวน 1,560 คัน และรถเท็กซี่ 35 วิน จำนวน 797 คัน
พล.ท.ชาญชัยกล่าวอีกว่า ในการดำเนินการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ภาคอีสานนั้น ได้ดำเนินการต่อเป้าหมายรวม 1,240 เป้าหมาย สามารถจักกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 1,012 คดี ผู้ต้องหา 558 ราย ยึดของกลางได้ไม้พะยูง และไม้หวงห้ามอื่นๆ จำนวน 36,125 ท่อน/เหลี่ยม พร้อมอุปกรณ์ประกอบความผิดจำนวนมาก ส่วนการขยายผลจับกุมสามารถดำเนินการต่อเครือข่ายรายใหญ่จำนวน 2 เครือข่าย นำไปสู่การยึดทรัพย์ส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟองเงินจำนวน 300 ล้านบาทเศษ
ส่วนการขอคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกยึดถือครอบครองบริเวณป่าสงวนแห่งชาติในหลายพื้นที่ ที่สำคัญคือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 22,775 ไร่, ป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี จ.นครราชสีมา 17,700 ไร่ สวนป่ายศวดีฟอร์เรสปาร์ค จ.เลย 300 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกภูเหล็ก จ.เลย 200 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ และป่าหมายหญ้า จ.อุดรธานี จำนวน 200 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติน้ำโหมนางยูง จ.อุดรธานี จำนวน 69 ไร่ ป่าอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก จ.กาฬสินธุ์ 52 ไร่ และป่าอุทยานแห่งชาติภูพาน จ.สกลนคร จำนวน 11 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 41,307 ไร่ และยังคงเดินหน้าทวงคืนผืนป่าอย่างต่อเนื่อง
“การดำเนินการต่อจากนี้จะเข้มงวดมากขึ้น โดยจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังสำหรับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้” พล.ท.ชาญชัยกล่าว
