ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิง 3 ล้านลิตรต่อวัน สร้างความเสียหายต่อประเทศ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ในการกวดขันจับกุมให้มากขึ้น
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่โรงแรมลองบีช เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดโครงการอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ชุดปฏิบัติการส่วนกลาง 1-11 จำนวน 170 นาย เข้าร่วมอบรม
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เนื่องจากการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง โดยการลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมเหลวไม่เสียภาษี การปลอมปนสารละลายต่างๆ ในน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย การนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำมาขายในราคาถูกกว่าราคาตลาด กระทำผิดในลักษณะฉ้อฉล และหลบเลี่ยงภาษี ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ด้านภาษี และประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำ ทำให้เครื่องยนต์เสียหายสึกหรอเร็ว
ด้วยปัจจัยเรื่องผลประโยชน์ค่าตอบแทน รายได้จากการกระทำผิดดังกล่าวค่อนข้างสูง จูงใจให้ผู้กระทำผิดกล้าเสี่ยง จึงมีความพยายามหาหนทางปรับเปลี่ยนวิธีการ และพัฒนาการรูปแบบการกระทำผิด หลบเลี่ยงให้พ้นการจับกุมตลอดเวลา อีกทั้งการกระทำผิดยังมีอัตราโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับที่ต่ำ
โดยที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้กระทำความผิดในการลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3 ล้านลิตรต่อวัน เสียหาย 21 ล้านบาทต่อวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดอบรมให้ข้าราชการตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียม มีความรู้ความสามารถมากขึ้น พัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ทบทวนปัญหา ข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ปฏิบัติด้วยกัน ซึ่งการป้องกันและปราบปรามหลังจากนี้ จะเน้นพื้นที่ทางทะเลทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากพบการกระทำความผิดมากถึง 21 ล้านบาทต่อวัน
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่โรงแรมลองบีช เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดโครงการอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ชุดปฏิบัติการส่วนกลาง 1-11 จำนวน 170 นาย เข้าร่วมอบรม
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า เนื่องจากการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง โดยการลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมเหลวไม่เสียภาษี การปลอมปนสารละลายต่างๆ ในน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย การนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพต่ำมาขายในราคาถูกกว่าราคาตลาด กระทำผิดในลักษณะฉ้อฉล และหลบเลี่ยงภาษี ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ด้านภาษี และประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำ ทำให้เครื่องยนต์เสียหายสึกหรอเร็ว
ด้วยปัจจัยเรื่องผลประโยชน์ค่าตอบแทน รายได้จากการกระทำผิดดังกล่าวค่อนข้างสูง จูงใจให้ผู้กระทำผิดกล้าเสี่ยง จึงมีความพยายามหาหนทางปรับเปลี่ยนวิธีการ และพัฒนาการรูปแบบการกระทำผิด หลบเลี่ยงให้พ้นการจับกุมตลอดเวลา อีกทั้งการกระทำผิดยังมีอัตราโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับที่ต่ำ
โดยที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้กระทำความผิดในการลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3 ล้านลิตรต่อวัน เสียหาย 21 ล้านบาทต่อวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดอบรมให้ข้าราชการตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียม มีความรู้ความสามารถมากขึ้น พัฒนาประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ทบทวนปัญหา ข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ปฏิบัติด้วยกัน ซึ่งการป้องกันและปราบปรามหลังจากนี้ จะเน้นพื้นที่ทางทะเลทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากพบการกระทำความผิดมากถึง 21 ล้านบาทต่อวัน