สุรินทร์ - ขนส่งสุรินทร์ร่วมทหารจัดระเบียบรถตู้วีไอพี-รับจ้างสาธารณะผิด กม. พบมาลงทะเบียนแล้ว 267 คัน ระบุพร้อมปฏิบัติตาม กม. แฉทุกวันนี้ต้องจ่ายค่าปรับตำรวจตามเส้นทางต่างๆ 200-5,000 บาท/เที่ยว
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ต.นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดสุรินทร์ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จังหวัดทหารบกสุรินทร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดให้มีการสำรวจและลงทะเบียนรถตู้วีไอพี รถตู้รับจ้างสาธารณะ เพื่อขึ้นทะเบียนรถ และตรวจสอบประวัติผู้ประกอบการ เจ้าของรถตู้รับจ้างสาธารณะ ซึ่งมีเจ้าของรถตู้วีไอพี และรถตู้รับจ้างสาธารณะในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ มาลงทะเบียนในวันนี้ จำนวน 267 คัน
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการกรอกชื่อ-สกุล ประวัติ ของเจ้าของรถตู้และผู้ขับขี่รถตู้ทุกคัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการตรวจสอบประวัติ เพื่อออกเอกสารประจำรถในการวิ่งรับส่งผู้โดยสาร และเป็นหลักฐานติดตามตรวจสอบรถกรณีทำผิดกฎหมาย หากมีผู้โดยสารร้องเรียนมาที่กรมการขนส่งทางบก
ทั้งนี้ เจ้าของรถและผู้ประกอบการรถตู้วีไอพี และรับจ้างสาธารณะ ที่มาลงทะเบียนในวันนี้ต่างต้องการให้เจ้าหน้าที่ทั้งขนส่งจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่รักษาความสงบจังหวัดสุรินทร์ได้ออกเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อใช้สำหรับประจำรถไว้ เนื่องจากที่ผ่านมายอมรับว่าใช้รถตู้รับจ้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ไปจดทะเบียนเพื่อเป็นรถตู้รับจ้างสาธารณะ แต่ได้นำรถไปรับจ้างวิ่งส่งผู้โดยสารเป็นการรับเหมารับส่งทั่วไป
ดังนั้น หากเป็นได้อยากให้เจ้าหน้าที่ได้ออกเอกสารให้เพื่อจะได้นำไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเส้นทางต่างๆ ที่วิ่งส่งผู้โดยสาร ซึ่งจะถูกตำรวจเรียกตรวจจับปรับ 200-5,000 บาทต่อเที่ยว โดยเฉพาะการวิ่งเข้ากรุงเทพฯ จะเสียค่าปรับมาก และอยากให้เจ้าหน้าที่จดทะเบียนให้รถตู้เป็นรถรับจ้างสาธารณะที่ถูกต้อง และพร้อมยอมเสียภาษีให้กับรัฐทุกอย่าง
ขณะที่ นายอดิศักดิ์ ศักดิฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การออกเอกสารใดๆ ให้ในวันนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ในขั้นต้นเป็นการสำรวจ และลงทะเบียนไว้ก่อน เมื่อตรวจสอบประวัติ และมีข้อสรุปจาก คสช.ออกมาอย่างไรก็จะดำเนินการตามนั้น ขอให้เจ้าของรถทุกคันได้รอการประสานงานอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร คาดว่าจะมีข้อสรุปในเร็วๆ นี้