ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านบริเวณแหลมฉบัง-อ่าวอุดม ร้องน้ำทะเลเป็นสีน้ำตาล มีกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดอาการแสบตาแสบจมูก นอกจากนั้น ยังพบว่ามีปลาริมชายฝั่งตายจำนวนมาก
นายอัมพร เพชรรัตน์ ประธานชุมชนแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า เมื่อค่ำวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 19.00 น. ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านแหลมฉบัง ว่า น้ำทะเลบริเวณร้านอาหารน้องไผ่ และอ่าวแหลมฉบัง น้ำทะเลมีสีน้ำตาล มีกลิ่นเหม็นมาก โดยลักษณะของน้ำทะเลจะเป็นฟองด้วย นอกจากนั้น ปลาบริเวณชายฝั่งตายเป็นจำนวนมากด้วยซึ่งไม่ทราบเกิดจากสาเหตุใด และชาวบ้านบางรายมีการแสบตา แสบจมูก
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นในช่วงค่ำที่ผ่านมา ไม่ใช่น้ำที่ไหลมาจากการนิคมอุตสาหกรรม หรือจากบนฝั่งอย่างแน่นอน เพราะตรวจสอบเส้นทางการไหลของลำคลอง น้ำที่ไหลลงมาปกติ ดังนั้นเป็นการเกิดขึ้นจากในทะเลอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรในขณะนี้ ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ประสานกับเทศบาลนครแหลมฉบัง ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บน้ำทะเลที่ตนตักไว้ไปตรวจสอบหาสาเหตุแล้ว
นายอัมพร กล่าวต่อไปว่า ในช่วงแรกที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายวานนี้ มีชาวบ้านพูดว่าเป็นภาวะแพลงก์ตอนบูม หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะน้ำทะเลเปลี่ยนสีในครั้งนี้มีอาการแสบตา แสบจมูก ซึ่งปกติแล้วปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬจะไม่ทำให้แสบตา แต่ในครั้งชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมทะเล ผู้สูงอายุ และเด็ก ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ต้องหนีไปพักอาศัยยังบ้านญาติที่อยู่ห่างจากนั้นหลายกิโล อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ริมทะเล เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆ พวกเราคงจะใช้ชีวิตกันลำบาก
ล่าสุด ในวันนี้สภาพน้ำทะเลที่เป็นสีน้ำตาลได้หายไปหมดแล้ว โดยหลงเหลือบริเวณแอ่งน้ำริมชายหาด และคราบสีน้ำตาลที่เกาะติดตามเสาบ้าน และโขดหิน พร้อมยังพบซากปลาตายหลงเหลือเพียงไม่กี่ตัว