xs
xsm
sm
md
lg

พ่อ-แม่วอนคนใจบุญช่วย “น้องอิงค์” ป่วยเป็น “โรคผีเสื้อ” ตั้งแต่แรกเกิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิษณุโลก - สองสามีภรรยาวอนผู้ใจบุญช่วยลูกน้อยวัย 1 เดือนเศษป่วยผิวหนังทำงานผิดปกติ หลังคลอดต้องอยู่โรงพยาบาลตลอดเวลา ล่าสุดเป็นแผลพุพองทั้งตัว ดื่มนมจากอกแม่ไม่ได้ แพทย์ระบุเป็นโรค “Epidermolysisbullosa” หรือโรคตุ่มน้ำพองในทารกแรกเกิด หรือ “โรคผีเสื้อ” ร้ายแรงกว่าโรคดักแด้

นายธีรวุฒิ แจ่มชาวนา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205/1 ม.1 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมนางจิตตา แจ่มชาวนา อายุ 18 ปี ภรรยา ได้ออกมาขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ว่า บุตรสาว คือ ด.ญ.ลลิตา แจ่มชาวนา หรือน้องอิงค์ อายุ 1 เดือน ที่คลอดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 57 ณ โรงพยาบาลวังทอง ป่วยเป็นโรคผิวหนังทำงานผิดปกติ ไม่มีหนังกำพร้าที่แขน และขา ต้องพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตลอดเวลา

ซึ่งแพทย์ได้ส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือนน้องอิงค์ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้ากับพ่อ-แม่

ล่าสุดขณะนี้น้องอิงค์มีบาดแผลพุพองเกือบทั่วทั้งตัว ไม่สามารถดื่มนมจากอกแม่ได้ ต้องให้นมผ่านทางสายยางเท่านั้น และต้องดูแลอยู่ในห้องปลอดเชื้อ ตึกแม่ และเด็ก เพราะน้องจะติดเชื้อได้ง่าย

นายธีรวุฒิเล่าต่อว่า ตนทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี ต้องรอจนถึงวันหยุดยาวจึงจะได้กลับมาพบหน้าลูกสักครั้ง ส่วนภรรยาต้องอยู่ดูแลลูกสาวที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ตนต้องแบกภาระทำงานเพียงลำพัง แม้ว่าน้องอิงค์จะใช้สิทธิ์การรักษา 30 บาท แต่ก็มีค่าใช้จ่ายต้องซื้อของใช้เด็กอ่อน และค่าใช้จ่ายของแม่ที่เฝ้าลูกด้วย ทำให้เดือดร้อนลำบาก จึงอยากขอวอนผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือ

หากเป็นไปได้อยากให้น้องอิงค์มีโอกาสรักษาให้หายขาดจากโรคนี้ เพื่อจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก”

ด้านแพทย์หญิง น้ำทิพย์ อิมทับ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลพุทธชินราช แพทย์ที่ดูแลน้องอิงค์ กล่าวว่า อาการของน้องอิงค์เรียกว่าโรค Epidermolysisbullosa หรือโรคตุ่มน้ำพองในทารกแรกเกิด หรือโรคผีเสื้อ หรือโรคน้ำร้อนลวก ถือว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นแก่เด็กทารก 1 ในล้าน โดยเกิดจากพันธุกรรมของพ่อและแม่

“ถือว่าเป็นโรคที่รุนแรงกว่าโรคดักแด้ ซึ่งในการรักษาโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด คอยประคับประคองอาการเท่านั้น โดยให้มารดาคอยให้น้ำนมแก่น้องอิงค์เป็นประจำทุกวัน ซึ่งน้ำนมแม่จะสามารถต้านทานโรคได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือเกรงว่าจะมีอาการแทรกซ้อน หรือแผลติดเชื้อทั้งที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ ปาก คอ หรืออวัยวะภายใน เนื่องจากโรคนี้จะเป็นแผลในทุกๆ ที่ของอวัยวะ”

เบื้องต้นพ่อ และแม่เด็กให้รักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช เนื่องจากที่โรงพยาบาลก็มีศักยภาพในการรักษาโรคนี้เป็นอย่างดี ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้น ทางพ่อ และแม่เด็กได้ใช้สิทธิ์ 30 บาท ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่อย่างใด

แต่จะมีค่าซื้อแผ่น AQUACEL หรืออควาเซลล์ ซึ่งเป็นแผ่นแปะลอกรักษาแผลผิวหนัง สำหรับล้างแผล ซึ่งในช่วงแรกต้องฉีดมอร์ฟีนไปในแผ่นอควาเซลล์ด้วย เนื่องจากน้องอิงค์เจ็บมาก แต่ระยะหลังน้องอิงค์มีอาการดีขึ้น และสังเกตว่าหากมารดาอยู่กับน้องอิงค์ ด้วยก็จะไม่ร้อง หรือแสดงอาการเจ็บเหมือนช่วงแรกๆ

“ในการซื้อแผ่นอควาเซลล์นั้น ทางโรงพยาบาลฯ ได้ใช้เงินจากกองทุนแม่ และเด็กไปซื้อ แต่คาดว่าจะไม่เพียงพอ หากมีผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาคก็จะดีไม่น้อย”

ด้านนางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยตัวแทนจากกาชาดจังหวัดพิษณุโลก, สถานสงเคราะห์วังทอง, บ้านมิตรไมตรี และพระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ได้นำเงินจากการบริจาคของประชาชนมามอบแก่นางจิตตา แจ่มชาวนา มารดาของน้องอิงค์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลเป็นการเบื้องต้น

สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 09-3001-0371 หรือโอนเงินเข้าบัญชีนายธีรวุฒิ แจ่มชาวนา ธนาคารกรุงไทย สาขาวังทอง เลขบัญชี 602-0-32727-2



กำลังโหลดความคิดเห็น