ศูนย์ข่าวศรีราชา - สารเคมีอันตรายรั่วไหลขณะขนถ่ายสินค้าที่ท่าเทียบเรือบี 3 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทำให้ประชาชน นักเรียนได้รับอันตราย หามส่งโรงพยาบาลเกือบ 100 คน
วันนี้ (17 ก.ค.) ร.ท.ยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการสำนักปฎิบัติการ ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายสุขุม อินแดง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวกรณีเกิดการรั่วไหลของสารเคมีว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น เกิดเหตุสารเคมีอันตรายรั่วไหลขณะขนถ่ายสินค้าที่ท่าเทียบเรือบี 3 โดยเกิดขึ้นณะกำลังยกสินค้าจากในเรือขึ้นฝั่ง ซึ่งระหว่างที่กำลังยกสารเคมี Buty acrylate เป็นสารไวไฟ บรรจุมาในรูปแบบถังแคปซูลแรกขึ้นมา แคปซูลที่อยู่ด้านล่างได้เกี่ยวติดขึ้นมาด้วย และได้หลุดตกลงมากระแทกกับพื้นเรือ ทำให้ถังแคปซูลที่ฉีกขาด เกิดการรั่วไหลฟุ้งกระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับตัวสารเคมีดังกล่าวมีความไวไฟสูง จึงทำให้ยากต่อการควบคุม เพราะอาจเกิดอันตรายได้ตลอดเวลา ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมสารเคมีดังกล่าวได้ ล่าสุด กองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 14 ได้เข้ามาร่วมกับท่าเรือแหลมฉบัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาทางแก้ใขอย่างเร่งด่วนแล้ว ทั้งยังได้รายงานสถานการณ์ต่อ ผบ.ทบ.อย่างต่อเนื่อง
โดยเบื้องต้น ท่าเรือแหลมฉบัง ได้ประสานไปยังกรมเจ้าท่าเพื่อขอลากเรือที่เกิดเหตุออกไปทอดสมอกลางทะเลประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อให้ความเข้มข้นของสารเคมีมีความเจือจาง มีผลกระทบต่อประชาชน และชุมชนน้อยที่สุด ขณะที่มีการเฝ้าระวังอันตรายสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดการระเบิดของสารเคมี เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารไวไฟ หากเกิดประกายไฟบนเรือ อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ โดยขณะนี้ได้ปิดสวิตช์ไฟบนเรือหมดแล้ว
ด้านโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ส่งเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่า กลิ่นยังไม่ลดความรุนแรง อาจสั่งให้มีการอพยพพนักงานออกจากพื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้ มีรายงานว่ามีประชาชนที่เกิดอาการระคายเคือง และได้รับผลกระทบจากการสูดดมสารเคมี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้วเกือบ 100 คน คน ขณะที่โรงเรียนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุบางแห่ง สั่งปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะสารเคมีที่รั่วไหลฟุ้งกระจายไปไกลกว่า 3 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนที่อยู่ในรัศมี ต้องอพยพนักเรียน และสั่งปิดโรงเรียน 3-4 แห่ง นอกจากนั้น ยังมีเด็กจำนวนมากที่ได้รับสารเคมีต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง และพื้นที่ใกล้เคียง
สำหรับตู้ที่รั่วเป็น class 5.1 วัตถุออกซิไดซ์ และวัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and Organic peroxides) แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ วัตถุออกซิไดซ์ (Oxidizing substances) หมายถึงวัตถุที่สามารถให้ออกซิเจนออกมา โดยที่วัตถุนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดการเผาไหม้ หรือเป็นวัตถุที่ทำให้เกิดขบวนการ oxidation ในลักษณะที่คล้ายกัน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ต่อวัตถุอื่นที่วางไว้ใกล้เคียง และมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เช่น Aluminum nitrate, Ammonium nitrate ชนิด A (UN 2067, 2068, 2059, 2070, 2426), ผงฟอกขาว (Bleaching powder), Calcium chlorate, Calcium chloride, Calcium hypochloride (solid), Calcium hypochloride (solution), Chromic nitrate, Chromium nitrate, Hydrogen peroxide solution 8-20%, Sodium nitrate
วัตถุออกซิไดซ์บางชนิดมีคุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆ ด้วย เช่น Barium chlorate, Barium bromate, Barium nitrate, Chromiutrioxide (anhydrous), Lead chlorate, Bromine pentafluoride, Bromine trifluoride
วัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic peroxides) เป็นวัตถุอินทรีย์ที่มีโครงสร้างออกซิเจน 2 ตัว และอาจถือได้ว่าเป็นอนุพันธ์ของ Hydrogen peroxide ซึ่งอะตอมของ Hydrogen 1 หรือทั้ง 2 อะตอม ถูกแทนที่ด้วยอนุมูลของสารอินทรีย์ วัตถุนี้ไม่เสถียรสามารถสลายตัวให้ความร้อนรวดเร็วได้ด้วยตัวเอง และอาจมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างดังต่อไปนี้ คือ แนวโน้มที่จะระเบิดสลายตัว เผาไหม้อย่างรวดเร็ว ไวต่อการกระแทก หรือการเสียดสี ทำปฏิกิริยากับสารอื่นก่อให้เกิดอันตรายได้ เป็นอันตรายต่อตา
การที่วัตถุ Organic peroxides มีแนวโน้มที่จะให้ความร้อนออกมา ในขณะที่อุณหภูมิในขณะนั้นปกติ หรือในขณะที่ได้รับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้น การสลายตัวสามารถเกิดจากความร้อน การสัมผัสกับสิ่งสกปรก (เช่น มีการเจือปนของกรด, สารประกอบโลหะหนักหรือพวก amine) เกิดจากการเสียดสี หรือการกระแทก การสลายตัวนี้นำไปสู่อันตราย หรือการไวไฟมีก๊าซ หรือไอระเหยต่างๆ
ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมในขณะขนส่ง การทำให้เจือจางด้วยตัวทำละลายที่เหมาะสม ตลอดจนควบคุมในเรื่องบรรจุภัณฑ์หีบห่อที่เหมาะสมอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้วัตถุนี้สัมผัสถูกตา เนื่องจากบางชนิดจะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อแก้วตา และกัดเนื้อเยื่อตา และผิวหนังได้