พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจอยุธยา เริ่มได้เค้าคนร้ายวางยา “พลายคล้าว” ตัดงาเพื่อนำไปขายแล้ว ผบก.กรุงเก่า เผยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอย่างใกล้ชิด ชี้เป็นกลุ่มคนที่ขัดแย้งกับปางช้างในการปราบยาบ้า พรุ่งนี้บ่าย “รอง ผบช.ภาค 1” จะเข้ามาควบคุมคดี ด้านวังช้างตั้งรางวัลนำจับอย่างงาม พร้อมแฉ จนท.ระดับล่างกรมอุทยานฯ มีเอี่ยวขบวนการค้างาช้าง
วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายแอบวางยาพิษ และตัดงาช้างพลายสมคิด หรือพลายคล้าว อายุ 50 ปี ช้างจากวังช้างแลเพนียดช้างอยุธยา ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุกลางดึกคืนวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงเข้าวันนี้ (14 ก.ค.) พบว่ามีความคืบหน้าของคดีพอสมควร ถึงแม้ว่าคนร้ายจะทิ้งหลักฐานไว้เพียงใบเลื่อยตัดเหล็กที่หาซื้อง่ายตามท้องตลาดหักทิ้งอยู่ในที่เกิดเหตุเพียง 2 ชิ้น และเศษกล้วยที่ใช้วางยาช้างเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม
“สำหรับแนวทางการสืบสวนติดตามคนร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจู่โจมตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายรอบรัศมีของจุดเหตุไปแล้วรวม 7 จุด เพื่อที่จะสกรีนกลุ่มผู้ต้องสงสัย ทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น และในขณะนี้เริ่มได้เค้าคนร้ายค่อนข้างชัดเจนแล้ว และได้สั่งการให้กำลังตำรวจเฝ้าติดตามตัวอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีความขัดแย้งกับทางวังช้างฯ ที่เข้าไปพัวพันกับยาเสพติด และทางวังช้าง ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปราบปราม จึงทำให้กลุ่มผู้ต้องสงสัยไม่พอใจ จึงได้วางแผนลงมือวางยาพิษฆ่าช้าง และแถมด้วยการตัดงาช้างไปด้วย” พล.ต.ต.สมคิด กล่าว
พล.ต.ต.เสริมคิด เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำงานคู่ขนานไปกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ชุด โดยชุดแรกเป็นชุดสืบหาข่าวในรัศมีรอบวังช้าง ชุดที่ 2 ชุดตรวจค้นจู่โจม
ชุดที่ 3 เป็นชุดลาดตระเวนดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มเป้าหมายจากกล้องวงจรปิด ตามวันเวลาก่อน และหลังเกิดเหตุว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเป้าหมายหรือไม่อย่างไร และหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตำรวจต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คือ ผลการตรวจสอบของยาพิษที่คนร้ายใช้วางยาช้างเป็นยาอะไร มีใช้ที่ไหน และหาซื้อได้ที่ไหน เชื่อว่าจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะติดตามคนร้ายได้
สำหรับคดีนี้ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญติดตามคดีอย่างต่อเนื่อง โดยในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 จะลงพื้นที่เข้ามาคลี่คลายคดีคนร้ายวางยาช้าง และตัดงาไปขายด้วย และล่าสุด ชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำกำลังติดตามประกบกลุ่มของผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 จุด ย่านตลาดแกรนด์ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังได้เบาะแสมาจากกลุ่มติดยาในพื้นที่ด้วย
ด้านนายลายทองเหรียญ มีพันธ์ เจ้าของวังช้างแลเพนียดช้างอยุธยา และเป็นเจ้าของพลายสมคิด หรือคล้าว อายุ 50 ปี ที่ถูกวางยาเสียชีวิตแล้วตัดงา เปิดเผยว่า มูลค่าของงาช้าง และชีวิตของพลายคล้าว คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท เฉพาะส่วนงาที่ตัดไปในตลาดมืดซื้อขายกันในราคาหลักล้านบาท ในขณะนี้ทางวังช้างได้ตั้งรางวัลนำจับแล้วด้วยมูลค่าที่มากพอต่อความเสียหายในการเสียชีวิตของพลายคล้าว
“ยอมรับว่าตนมีโกรธแค้นกลุ่มคนร้ายที่กระทำต่อช้างพลายคล้าว อย่างเหี้ยมโหด โดยการลอบวางยาพิษจนล้มตาย และตัดงาช้างไปขาย จึงตั้งเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายด้วยเงินรางวัลก้อนงามเพื่อที่จะนำตัวมาขอขมาพลายคล้าว ที่ปากหลุมฝังซากพลายคล้าว ในเพนียดคล้องช้าง และขอเรียกร้องให้ลงโทษผู้ต้องหาสถานหนักประหารชีวิตตกตายตามกันไปที่ทำกับช้าง ซึ่งไม่แตกต่างกับคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าข่มขืนน้องแก้ม วัย 13 ปีบนรถไฟตู้นอน” นายลายทองเหรียญ กล่าว
นายลายทองเหรียญ ยังเปิดโปงถึงขบวนการค้างาช้างด้วยว่า ยังมีอยู่จำนวนมาก เนื่องจากมีข้าราชการในระดับล่างของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี เป็นต้น ร่วมขบวนการแอบลักลอบนำงาช้างส่งออกชายยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน ฮ่องกง ที่เป็นตลาดรับซื้อแหล่งใหญ่ โดยจะขนออกผ่านตามแนวตะเข็บชายแดน
นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนทำงาช้างเทียมจากไฟเบอร์สวมงาช้างจริงส่งออกขายด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระดับล่างคอยอำนวยความสะดวกขั้นตอนการตรวจสอบให้ แล้วมีการแบ่งผลประโยชน์กันด้วย