ศูนย์ข่าวศรีราชา - อำเภอบางละมุง ร่วมกับฐานทัพเรือสัตหีบ เมืองพัทยา ประชุมผู้ประกอบการสถานบันเทิง วางนโยบายการจัดระเบียบสังคม เน้นส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ย้ำใครนอกกรอบพร้อมดำเนินการขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (9 ก.ค.57) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง, พล.ร.ท.เริงฤทธิ์ บุญส่งประเสริฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมเป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยา เพื่อชี้แจงแนวนโยบายการประกอบการ ให้สอดรับนโยบายการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.โดยมีผู้ประกอบการภาคธุรกิจ และสถานบันเทิงในเขตเมืองพัทยาเข้าร่วมจำนวนกว่า 300 ราย
พล.ร.ท.เริงฤทธิ์ กล่าวว่า คสช.มีนโยบายชัดเจนที่ต้องการคืนความสุขให้คนในชาติ และต้องการกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาความเจริญในทุกทิศทางในดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การท่องเที่ยว โดยมีแนวทางในการปราบปรามปัญหาการทุกจริต คอรัปชั่น ความไม่เป็นธรรมในสังคม เพื่อให้ประชาชนมีความสุขในการดำรงชีพอย่างสูงสุด ดังนั้นทุกภาคส่วนร่วมทั้งประชาชนจึงต้องขับเคลื่อนไปในแนวทางและทิศที่สอดคล้องกัน
สำหรับการท่องเที่ยวก็ถือเป็นอีกกรณีหนึ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจ เนื่องจากเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศอีกด้วย ดังนั้นฐานทัพเรือสัตหีบจึงได้ร่วมกับภาคส่วนงานที่เกี่ยวข้องในการจัดระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อไป
ด้านนายศักดิ์ชัย กล่าวว่า สำหรับเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ เนื่องจากมีนักท่อง เที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนปีละหลายล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท โดยในพื้นที่จะมีผู้ ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสถานบันเทิงมากมาย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นองค์กรสำคัญในการช่วยยกระตุ้น ส่งเสริม และสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีให้แก่ประเทศ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังพบว่ามีสถานประกอบการหลายแห่งที่มีความประพฤติและแนวทางการประกอบการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งถือว่าสร้างความเสียหายต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวพอสมควร โดยเฉพาะกรณีเรื่องของนโยบายการจัดระเบียบสังคม ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องของเยาวชน เรื่องของการโชว์ลามกอนาจาร เรื่องการเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เรื่องของผู้มีอิทธิพลทำร้ายนักท่องเที่ยว และเรื่องของการพกพาอาวุธ ซึ่งนโยบายนี้ถือเป็นหัวใจหลักที่จากนี้จะต้องมีการปฏิบัติและดำเนินการตามกรอบอย่างเข้ม งวด และหากมีการตรวจพบหรือได้รับเบาะแสของการกระทำผิดที่เข้าข่ายการฝ่าฝืนก็จะมีการสนธิกำลังในการเข้าไปดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป