อุดรธานี - มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน และศิษยานุศิษย์ “หลวงตาพระมหาบัว” ทำบุญครบรอบ 8 ปีการเปิดสถานีวิทยุเสียงธรรมอย่างเป็นทางการ พร้อมออกแถลงการณ์มอบกายถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ ทุกแห่งได้ดำรงอยู่สืบไป
วันนี้ (8 ก.ค.) คณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน และพุทธศาสนิกชนชาวพุทธ ได้ร่วมกันจัดงานบุญมหามงคลสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนครบรอบ 8 ปี โดยมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศเข้าร่วมงานจำนวนมาก ที่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี
โดยงานบุญมหามงคลสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ครบรอบ 8 ปี ทางมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนและศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัวได้กราบนิมนต์หลวงปู่คลาด ครุธัมโม วัดป่าบ้านใหม่ ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นองค์ประธานคณะสงฆ์
จากนั้นคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันทำบุญถวายผ้าป่าสามัคคี เพื่อทำนุบำรุงสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน โดยมีพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดเป็นองค์ประธานสงฆ์รับมอบ
อนึ่ง หลังจากคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จำนวนหนึ่งได้ร่วมงานแล้วเสร็จ ได้รวมตัวอ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง คณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ขอมอบกายถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ ทุกแห่งได้ดำรงอยู่สืบไป โดยมีนางสาวบัวทิพย์ สิงหสุริยะ ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นผู้อ่านแถลงการณ์
โดยมีข้อความว่า ในโอกาสวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 เป็นวันครบรอบ 8 ปี ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระกรุณาเปิดสถานีวิทยุเสียงธรรมอย่างเป็นทางการ คณะศิษยานุศิษย์จึงพร้อมใจกันจัดงานอันเป็นการสำนึกในพระกรุณาธิคุณของทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงฯ ที่มีต่อเครือข่ายวิทยุเสียงธรรม พร้อมร่วมทำบุญถวายผ้าป่าทำนุบำรุงสถานีวิทยุเสียงธรรมน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลสืบไป
เครือข่ายวิทยุเสียงธรรมทุกแห่งเกิดขึ้นจากพระสงฆ์และประชาชนผู้สนใจใฝ่ธรรมในพระพุทธศาสนาผ่านครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ แม้สถานีแต่ละท้องถิ่นทุกภูมิภาคของประเทศจะได้พร้อมใจกันถวายแด่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ให้เป็นสมบัติของสงฆ์แล้ว
แต่ยังคงปวารณาไว้ว่าจะขอรับภาระค่าใช้จ่ายและบำรุงรักษาด้วยตนเอง สถานีแต่ละแห่งได้รับใบอนุญาตเป็น “วิทยุชุมชนที่มีลักษณะเฉพาะในเชิงความสนใจ” จาก กสทช. ตลอดมาด้วยสิทธิที่ทัดเทียมกับ “ผู้ประกอบการรายเดิม (คลื่นหลัก)” ก่อนมี กสทช. หลายปีแล้ว
เมื่อพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียงฯ พ.ศ. 2553 มีผลบังคับใช้ เครือข่ายวิทยุเสียงธรรมจึงมีสถานภาพทางกฎหมายเป็น “วิทยุภาคประชาชนในเชิงความสนใจร่วมกัน” ที่มีสิทธิทัดเทียมกับผู้ประกอบการรายเดิมอย่างสมบูรณ์ทุกประการ มีท่านดิสทัต โหตระกิตย์ รักษาการคณะกรรมการกฤษฎีกาคนปัจจุบันเป็นสักขีพยานคนสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเป็นกรรมาธิการฯ ผู้รับหน้าที่ร่างกฎหมายฉบับนี้โดยตรง
เมื่อคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ขอความร่วมมือให้ระงับการออกอากาศ พระสงฆ์ และประชาชนจำนวนมากก็ยอมงดการรับฟังธรรมไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติธรรมทั้งๆ ที่เป็นกิจวัตรประจำวันที่มีมายาวนานนับ 10 ปี ด้วยความอดทนและอดสูเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อ คสช.คืนความสุขในทางธรรมด้วยการออกประกาศ ฉบับที่ 66/2557 ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ออกอากาศได้ตามปกติ
เมื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องวิทยุกระจายเสียงทั้ง 3 ฉบับ ทำให้เครือข่ายวิทยุเสียงธรรมสามารถส่งกระจาย “เสียงธรรม” ได้ดุจดังเดิมตั้งแต่เวลา 22 นาฬิกาของวันที่ 14 มิถุนายน 2557 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม นับแต่ได้ออกอากาศตามประกาศฉบับดังกล่าว กสทช.กลับนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาข่มขู่คุกคามเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมหลายสิบแห่งให้หยุดการออกอากาศอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดวิสัยแห่ง “ลูกชาวพุทธ”
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 เวลา 05.30 น. หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ บังเกิดความสลดสังเวชใจในสิ่งเลวร้ายเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำหนังสือด่วนที่สุดขอบิณฑบาตต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยเข้ากราบปวารณาตนต่อหน้าหลวงปู่ มีใจความว่า
“หลวงปู่ขอบิณฑบาต ขอให้ท่านสั่งการให้ลูกน้องยุติการเหยียบย่ำพระพุทธศาสนาโดยทันที และอย่าได้กระทำแบบนี้อีกต่อไป ขอให้รู้ซึ้งในคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้ยอมเสียสละชีวิตได้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้มาก อย่าเข้ามาเบียดบังทำลาย มิฉะนั้น ขอให้มาเอาชีวิตของหลวงปู่ไปแทน หลวงปู่ยอมตายได้เพื่อให้วิทยุเสียงธรรมฯ ของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ทุกแห่งได้ดำรงอยู่ต่อไป”
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 เป็นวันอุโบสถ คณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาด 50 รูปมีมติเป็นเอกฉันท์ขอสนับสนุนหลวงปู่ผู้มีอายุพรรษาสูงสุด สรุปว่า “ขอจับมือเป็นหนึ่งเดียวดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์สั่งไว้ และขอยอมมอบกายถวายชีวิตนี้ร่วมตายกับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ เพื่อพิทักษ์รักษาสถานีวิทยุเสียงธรรมทุกแห่ง ซึ่งเป็น “มรดกธรรม” อันทรงค่าอย่างที่สุดของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ที่ได้เมตตาประทานไว้แก่โลก ให้สามารถกระจายเสียงเผยแผ่ศาสนธรรมในพระพุทธศาสนาต่อไปได้อย่างต่อเนื่องเป็นปกติดุจดังเดิม”
คำขอบิณฑบาตของพระมหาเถระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยยิ่งกว่าชีวิต แทนที่จะเกิดผล มติคณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาดของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ถือความกตัญญูรู้คุณองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน อย่างอุกฤษและเอกอุถึงขั้นยอมสละชีวิตร่วมกับพระมหาเถระได้ แทนที่จะสัมฤทธิผล ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในทางตรงกันข้ามกลับมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายยังความสลดหดหู่เสียใจแก่คณะศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศเป็นอย่างยิ่งเกิดขึ้น
ในที่นี้ขอกล่าวเพียงเรื่องเดียว คือ เย็นวันที่ 27 มิถุนายน 2557 กสทช.ได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช.เขต 8 (อุดรธานี) มีหนังสือเลขที่ สทช. 3003.8/0083 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ให้ระงับการออกอากาศของสถานีวิทยุเสียงธรรม ความถี่ 103.250 MHz จังหวัดอุดรธานี และด้วยคำสั่งของเทวทัตในครั้งนี้ ย่อมเท่ากับเป็นการเหยียบย้ำซ้ำเติมหัวใจคณะศิษยานุศิษย์ให้บอบช้ำและแตกสลายหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมนับเท่าทวีคูณจนไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไป
จนบัดนี้เป็นที่ปรากฏชัดแจ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่มีผู้ใดเกิดความสงสัยอีกต่อไปแล้วว่า การกระทำของ กสทช.ในสมัยปัจจุบันไม่ต่างกับเทวทัตในอดีตผู้มีเจตนาร้ายบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา คณะศิษยานุศิษย์จากทั่วทุกสารทิศจึงส่งตัวแทนเข้าประชุมหารือกัน มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่า
พวกเราขอร่วมจับมือเป็นหนึ่งเดียวกับพระมหาเถระและคณะสงฆ์ฝ่ายกรรมฐานที่ส่งตัวแทนมาในวันนี้จากทั่วทุกสารทิศ พวกเราขอมอบกายถวายชีวิต ร่วมปกป้องเครือข่ายวิทยุเสียงธรรม มรดกธรรมขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ทุกแห่งหนให้ออกอากาศเผยแผ่ศาสนธรรมในพระพุทธศาสนาได้ดุจดังเดิม ตราบนิจนิรันดร์
เราจะไม่ยอมให้ กสทช.เข้ามาใช้อำนาจป่าเถื่อนแบบเทวทัตเช่นที่กระทำอยู่นี้อีกต่อไป ทั้งนี้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักพระธรรมวินัยอันเป็นพระบรมศาสดาของพวกเราให้จิรังถาวรอยู่คู่ชาติไทยสมดั่งพระปณิธานของเจ้าฟ้าหญิงที่ท่านพ่อของพระองค์ได้เมตตาฝากไว้