ศูนย์ข่าวขอนแก่น - น้ำเขื่อนอุบลรัตน์เข้าขั้นวิกฤติ เหลือแค่ 30.33% ส่งผลให้เมืองขอนแก่นมีน้ำดิบทำน้ำประปาน้อย เร่งทุกหน่วยงานป่าวประกาศให้เกษตรกรเลื่อนทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังนอกเขตชลประทาน
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมวางแผนบริหารจัดการน้ำ กับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่น และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การจัดประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่น รับแจ้งจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่าสภาพน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ณ ปัจจุบันมีแค่ 737.42 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 30.33% ใช้งานได้ 155.75 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 8.42% มีน้ำไหลเข้าเขื่อนเล็กน้อย จากสภาพอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีความจุสูงสุด 2,431 ล้าน ลบ.ม.
ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ขั้นวิกฤต เหลือน้ำทำการเกษตร และผลิตประปาในเขต จ.ขอนแก่น น้อยมาก ทำให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวายเลื่อนแผนการส่งน้ำเข้านาข้าวปี 2557 จากวันที่ 12 มิ.ย. 2557 เป็นวันที่ 10 ก.ค. 2557 เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.มีปริมาณน้ำ 755.55 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 31.08% ใช้การได้ 173.88 ล้าน ลบ.ม. หรือ 9.40%
นายกำธรกล่าวว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวายได้บริหารจัดการน้ำด้วยความเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องมีน้ำดิบผลิตน้ำประปาในเขตจังหวัด และช่วงทำนาปี 2557 โดยเฉพาะ อ.เมือง ที่ประชาชนจะต้องมีน้ำประปาเพื่อการบริโภคอุปโภคต่อเดือนสูงสุด 4.5 ล้าน ลบ.ม. แต่ขณะนี้ปริมาณใช้น้ำได้จริงแค่ 150 ล้าน ลบ.ม. ระบายได้วันละ 1 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ เพื่อให้น้ำมีการระบายอย่างต่อเนื่อง และในฤดูเพาะปลูกมีความต้องการใช้ถึง 5 ล้าน ลบ.ม./วัน จึงจำเป็นต้องหาแนวทางการบริหารน้ำเพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนน้ำ ซึ่งหากฝนทิ้งช่วงและพายุไม่เข้าตามการคาดการณ์ของกรมอุตินิยมวิทยา ประมาณเดือน ส.ค.นี้ จะเข้าสู่วิกฤตการขาดแคลนน้ำได้
ทั้งนี้ จึงประสานให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านสำนักงานเกษตรอำเภอ พร้อมแจ้งสำนักงานเกษตรจังหวัดทำการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรังในปี 2557 นอกเขตพื้นที่ชลประทาน จนถึงวันที่ 10 ก.ค.นี้ แล้วรอดูว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลายหรือมีฝนตกต้องตามฤดูกาลหรือไม่
