ชลบุรี - การแต่งตั้งอธิการบดี มหาวิทยาลัยบูรพา ยังยื้ดเยื้อ หลังมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย เสียงข้างมาก 11 ต่อ 6 ไม่รับรองผลการสรรหาอธิการบดี ของคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี โดยไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมตามกฎหมาย ด้านกลุ่มพิทักษ์บูรพา ออกโรงแจงเป็นการขัดคำสั่งศาล ชี้สภามหาวิทยาลัยควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ.2550 มาตรา 27
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธิ์ ยศสมศักดิ์ กรรมการประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ผู้แทนกลุ่มพิทักษ์บูรพา เผยถึงกรณีการสรรหาอธิการบดี มหาวิทยาลับบูรพาว่า ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ.2550 มาตรา 27 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีไว้ว่า อธิการบดีนั้นจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง โดยคำแนะนำของสภามหาวิทยาลัยจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 30 สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
โดยทางมหาวิทยาลัยบูรพาได้ออกข้อบังคับว่าด้วยคุณสมบัติและการสรรหาอธิการบดี พ.ศ.2552 กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาอธิการบดี โดยข้อ 20 กำหนดว่า ให้สภามหาวิทยาลัยประกาศรายชื่อผู้ซึ่งคณะกรรมการสรรหาเสนอว่า สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีให้พนักงานมหาวิทยาลัยทราบ และให้สภามหาวิทยาลัยคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีจากรายชื่อดังกล่าวโดยวิธีลงคะแนนลับ ผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีต้องได้รับคะแนนสูงสุด
และที่ผ่านมา การสรรหาอธิการบดีของทางมหาวิทยาลัย โดยคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา ได้สรุปรายงานเสนอสภามหาวิทยาลัย โดยเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดี จำนวน 3 คน เพื่อให้สภามหาวิทยาลัยเห็นชอบรายชื่อ และคัดเลือก 1 ใน 3 เพื่อแต่งตั้งเป็นอธิการบดี แต่ปรากฏว่า การประชุมสภามหาวิทยาลัยหลายครั้งที่ผ่านมากลับไม่มีการประชุมเพื่อการคัดเลือกดังกล่าว
จนที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองได้มีคำสั่งลงวันที่ 18 มิถุนายน 2557 ตามคำร้องขอของ นายบรรพต วิรุณราช ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของผู้ได้รับการสรรหา กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี โดยให้นายกสภามหาวิทยาลัยเรียก และจัดประชุมประกาศรายชื่อ และคัดเลือกผู้มีความเหมาะสมเป็นอธิการบดี จำนวน 1 คน จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี 3 คน ได้แก่ รศ.ชารี มณีศรี ผศ.ดร.บรรพต วิรุณราช และ ศ.ดร.สุชาติ อุปถัมภ์ ตามข้อ 20 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยคุณสมบัติและการสรรหาอธิการบดี ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2557
ดร.สัมฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ทางสภามหาวิทยาลัยบูรพา ได้มีการประชุมไปเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยมีมติเสียงข้างมาก 11 ต่อ 6 ไม่รับรองผลการสรรหาอธิการบดี ของคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี โดยไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมตามกฎหมายใดๆ มาสนับสนุน ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายที่กล่าวข้างต้น เป็นการท้าทาย และไม่คำนึงถึงคำสั่งของศาลปกครองที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายแต่อย่างใด
การที่กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติ และความเหมาะสมไม่เกิน 3 คน ให้สภามหาวิทยาลัยคัดเลือกนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สภามหาวิทยาลัยสามารถใช้ดุลพินิจในขอบเขตจำกัดตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการวิ่งเต้น ล็อบบี้กรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ได้อยู่ในกระบวนการสรรหา ซึ่งไม่สามารถรู้ลึกถึงคุณสมบัติและรายละเอียดตื้นลึกหนาบางของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี และจากการที่สภามหาวิทยาลัย ใช้เสียงข้างมากไม่รับรองผลการสรรหา จึงเป็นการละเมิดกฎหมายและขัดคำสั่งศาลปกครอง เรื่องดังกล่าวนี้พวกเราชาวบูรพาจะต้องติดตามดูว่ากระบวนการยุติธรรมจะสร้างความชอบธรรมให้แก่สังคมแห่งนี้ได้อย่างไร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธิ์ ยศสมศักดิ์ กรรมการประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ผู้แทนกลุ่มพิทักษ์บูรพา เผยถึงกรณีการสรรหาอธิการบดี มหาวิทยาลับบูรพาว่า ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ.2550 มาตรา 27 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีไว้ว่า อธิการบดีนั้นจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง โดยคำแนะนำของสภามหาวิทยาลัยจากผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 30 สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
โดยทางมหาวิทยาลัยบูรพาได้ออกข้อบังคับว่าด้วยคุณสมบัติและการสรรหาอธิการบดี พ.ศ.2552 กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาอธิการบดี โดยข้อ 20 กำหนดว่า ให้สภามหาวิทยาลัยประกาศรายชื่อผู้ซึ่งคณะกรรมการสรรหาเสนอว่า สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีให้พนักงานมหาวิทยาลัยทราบ และให้สภามหาวิทยาลัยคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีจากรายชื่อดังกล่าวโดยวิธีลงคะแนนลับ ผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีต้องได้รับคะแนนสูงสุด
และที่ผ่านมา การสรรหาอธิการบดีของทางมหาวิทยาลัย โดยคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา ได้สรุปรายงานเสนอสภามหาวิทยาลัย โดยเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดี จำนวน 3 คน เพื่อให้สภามหาวิทยาลัยเห็นชอบรายชื่อ และคัดเลือก 1 ใน 3 เพื่อแต่งตั้งเป็นอธิการบดี แต่ปรากฏว่า การประชุมสภามหาวิทยาลัยหลายครั้งที่ผ่านมากลับไม่มีการประชุมเพื่อการคัดเลือกดังกล่าว
จนที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองได้มีคำสั่งลงวันที่ 18 มิถุนายน 2557 ตามคำร้องขอของ นายบรรพต วิรุณราช ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของผู้ได้รับการสรรหา กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี โดยให้นายกสภามหาวิทยาลัยเรียก และจัดประชุมประกาศรายชื่อ และคัดเลือกผู้มีความเหมาะสมเป็นอธิการบดี จำนวน 1 คน จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี 3 คน ได้แก่ รศ.ชารี มณีศรี ผศ.ดร.บรรพต วิรุณราช และ ศ.ดร.สุชาติ อุปถัมภ์ ตามข้อ 20 ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยคุณสมบัติและการสรรหาอธิการบดี ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2557
ดร.สัมฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ทางสภามหาวิทยาลัยบูรพา ได้มีการประชุมไปเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยมีมติเสียงข้างมาก 11 ต่อ 6 ไม่รับรองผลการสรรหาอธิการบดี ของคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี โดยไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมตามกฎหมายใดๆ มาสนับสนุน ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายที่กล่าวข้างต้น เป็นการท้าทาย และไม่คำนึงถึงคำสั่งของศาลปกครองที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายแต่อย่างใด
การที่กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติ และความเหมาะสมไม่เกิน 3 คน ให้สภามหาวิทยาลัยคัดเลือกนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สภามหาวิทยาลัยสามารถใช้ดุลพินิจในขอบเขตจำกัดตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการวิ่งเต้น ล็อบบี้กรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ได้อยู่ในกระบวนการสรรหา ซึ่งไม่สามารถรู้ลึกถึงคุณสมบัติและรายละเอียดตื้นลึกหนาบางของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี และจากการที่สภามหาวิทยาลัย ใช้เสียงข้างมากไม่รับรองผลการสรรหา จึงเป็นการละเมิดกฎหมายและขัดคำสั่งศาลปกครอง เรื่องดังกล่าวนี้พวกเราชาวบูรพาจะต้องติดตามดูว่ากระบวนการยุติธรรมจะสร้างความชอบธรรมให้แก่สังคมแห่งนี้ได้อย่างไร