ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตำรวจโคราชตั้งข้อหาหนักนักค้าอาวุธสงคราม หลังตำรวจ ทหารบุกจับพร้อมยึดคลังอาวุธกลางเมืองโคราช โดยขยายผลจากแผนก่อเหตุร้าย “ขอนแก่นโมเดล” ด้าน “ผบช.ภ.3” สั่งตรวจสอบยิบที่มาของปืนทุกกระบอก พบมีประทับตราทั้งตำรวจ-ทหาร เพื่อสาวถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด พร้อมเช็กประวัติการใช้โทรศัพท์ติดต่อเครือข่าย เชื่อมีผู้อยู่เบื้องหลังอื้อ
เมื่อเวลา 09.00 วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รรท.ผบช.ภ.3) พร้อมด้วยคณะรอง ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา ได้แถลงผลการตรวจยึดและจับกุมอาวุธสงครามจำนวนมากกลางเมืองนครราชสีมา จากการขยายผลกรณีจับกุมกลุ่มขบวนการเตรียมการก่อเหตุร้ายตามแผนการ “ขอนแก่นโมเดล”
พล.ต.ท.พิสัณห์กล่าวว่า จากการสืบสวนขยายผลของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองพลทหารราบที่ 3 กรณีการจับกุมขบวนการกลุ่ม นปช.ที่เตรียมการก่อเหตุร้ายใน จ.ขอนแก่นและเมืองใหญ่หลายจังหวัดภาคอีสานตามแผนการ “ขอนแก่นโมเดล” ซึ่งจับกุมผู้ต้องหาได้ 22 คนพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมากเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 โดยมีผู้ต้องหา 4 คนเป็นชาว จ.นครราชสีมานั้น จากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธปืนและอาวุธสงครามอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จึงติดตามความเคลื่อนไหว จนทราบว่า นายนพดล เพชรมะดัน อดีตทหารเกณฑ์ปลดประจำการ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/3 ซ.มหาชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงนำตัวไปควบคุมและสอบถาม ตามกฎอัยการศึกตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จากนั้นวันที่ 23 มิ.ย.ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านพัก นายนพดล เลขที่ 141/3 ซ.มหาชัย และบ้านญาติ เป็นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 210/3 ถ.ราชนิกูล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบอาวุธปืนอาวุธสงครามจำนวนมาก ทั้งปืนเล็กยาว M16 จำนวน 4 กระบอก ปืนเล็กยาว HK33 จำนวน 2 กระบอก ปืนเล็กขนาด 7.62 ปืนเล็กยาว AK47 ปืนเล็ก คาร์บิน เครื่องยิงลูกระเบิด M79 เครื่องปืนเล็กยาวแบบ 88 ปืนเล็กยาวขนาด 7.62 ปืนกลมือ ทอมป์สัน 11 ปืนกลมือขนาด 9 มม. ปืนยิงพลุ 26.5 มม. ปืนลูกซองสั้น อย่างละ 1 กระบอก ท่อเก็บเสียง 4 ท่อ เสื้อเกราะอ่อน 2 ตัว กระสุนปืนพกหลายชนิด 1,376 นัด ลูกระเบิดยิงจากปืนเล็ก 6 ลูก ลูกระเบิดขว้างพร้อมดินระเบิด 44 ลูก พลุกสัญญาณ 17 ลูก ลังเปล่าสำหรับบรรจุกระสุน 47 ลัง และซองกระสุนพร้อมอุปกรณ์กระสุนปืนอีกจำนวนมาก
จากการสอบสวน นายนพดล ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนชอบสะสมอาวุธปืน และรับว่าเป็นเครือข่ายขบวนการค้าอาวุธสงครามผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามในพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.นครราชสีมากับ จ.ลพบุรี รวมถึงกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามในพื้นที่ภาคเหนือ
โดยจากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบอาวุธสงครามทุกกระบอกเพื่อหาที่มาที่ไปและหาเครือข่ายเพิ่มเติมเพราะพบมีการประทับตราของทางราชการทั้งทหารและตำรวจ พร้อมตรวจสอบโทรศัพท์มือถือว่ามีข้อมูลการติดต่อค้าอาวุธกับกลุ่มใดบ้าง
พล.ต.ท.พิสัณห์กล่าวต่อว่า การจับกุมอาวุธสงครามครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่และได้ของกลางจำนวนมาก ที่สำคัญอยู่กลางเมืองโคราช ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าสะสมอาวุธมานานกว่า 2 ปี ฉะนั้นจากนี้ไปตนได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัดอีสานล่างได้ทำการเอกซเรย์พื้นที่โดยละเอียดเพื่อหาแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงคราม
โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายมีการเก็บอาวุธไว้ในอาคารกลางเมือง และให้ทำการสอบสวนผู้ต้องหารายนี้อย่างละเอียดเพื่อหาเครือข่ายเพิ่มเติมให้หมดทุกซอกทุกมุม ทั้งผู้ที่นำอาวุธมาขายให้นายนพดล และแหล่งค้าอาวุธที่นายนพดลนำไปส่งให้ ซึ่งคงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานจากนี้ไป เชื่อว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องอีกมากแต่ขอให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานและข้อมูลโดยละเอียดก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาหนัก “มีอาวุธปืน (สงคราม) วัตถุระเบิด และเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวนายนพดลส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป