สุรินทร์ - ทหารสนธิกำลัง 3 ฝ่าย บุกตรวจค้นเรือนจำกลางสุรินทร์ ยึดมือถือ อุปกรณ์เสพยา สมุดบัญชีโทรศัพท์เครือข่ายยาเสพติด เหล็กดัดแปลงเป็นอาวุธเพียบ และนักโทษฉี่ม่วงอีก 9 ราย
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่เรือนจำกลางจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) สุรินทร์ และ นายวัลลพ เรืองพรเจริญ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ นำเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสมาชิก อส.กว่า 350 นาย ได้สนธิกำลังจู่โจมเข้าตรวจค้นยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำกลางจังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายกฤษณ์ วงษ์เวช ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ อำนวยการควบคุมการตรวจค้น
เพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้ผู้ต้องขังกระทำความผิดภายในเรือนจำ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นภายในเรือนนอน ชั้นเก็บของของผู้ต้องขังทั้งชาย และหญิง รวมถึงบริเวณโดยรอบทุกจุดภายในเรือนจำอย่างละเอียด
ทั้งนี้ เรือนจำกลางสุรินทร์มีนักโทษถูกคุมขังจำนวนทั้งสิ้น 1,630 คน เป็นนักโทษชาย 1,500 คน นักโทษหญิง 130 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รองลงมาคดี อาชญากรรม และลักทรัพย์
จากการตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อุปกรณ์เสพยาบ้า และไอซ์ เหล็กดัดแปลงเป็นอาวุธ สมุดบัญชีโทรศัพท์เครือข่ายยาเสพติด อุปกรณ์เล่นพนันไพ่ ไฮโล และตรวจผู้ต้องขังฉี่ม่วง 9 ราย โดยของกลางมักซุกอยู่ภายในที่เก็บของ และรอบบริเวณเรือนนอน เมื่อสอบถามหาเจ้าของไม่มีใครรับ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้พร้อมกับตรวจหาดีเอ็นเอว่าเป็นของผู้ต้องขังรายใด
พล.ต.นิรุทธกล่าวว่า การจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางสุรินทร์วันนี้ เป็นการบูรณาการกำลัง 3 ฝ่าย ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยเข้าตรวจค้นตั้งแต่เวลา 05.30 น. พบสิ่งอุปกรณ์ต้องห้ามมากมาย ทั้งโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ดัดแปลงใช้เป็นอาวุธ นอกจากนั้นยังพบสมุดบัญชีหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการติดต่อสื่อสารของเครือข่ายยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการจับกุมต่อไป
ด้านนายกฤษณ์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการสนธิกำลัง 3 ฝ่ายบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งเรือนจำกลางสุรินทร์ขึ้นมา โดยใช้กำลังพลประมาณ 350 นาย ที่พร้อมใจกันป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โทรศัพท์มือถือในเรือนจำ ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกรุณานำกำลังพลในสังกัดมาร่วมตรวจค้น
ส่วนผลของการตรวจค้น ส่วนใหญ่พบเป็นอาวุธเหล็กแหลม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ซึ่งหลังจากมีการข่าวและติดตามพฤติกรรมของนักโทษเพื่อกวาดล้างขบวนการยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่พบว่ามีความเชื่อมโยงและมีผู้สั่งการมาจากผู้ต้องขังในเรือนจำ อีกทั้งผู้ต้องขังเองพยายามลักลอบนำยาเสพติดรวมถึงสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในเรือนจำ ฉะนั้นจึงต้องมีการตัดช่องทางเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ข้างนอก หรือเครือข่ายยาเสพติดกับผู้ต้องขังระดับสั่งการสื่อสารกันได้โดยเด็ดขาด
ทางเรือนจำได้เพิ่มมาตรการเข้มในการสร้างกำแพง แนวเขตกันชน รอบกำแพงเรือนจำ ซึ่งดำเนินการเสร็จได้ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยการสร้างรั้วลวดหนามห่างจากกำแพงเรือนจำ 100 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไม่สามารถยิงหนังสติ๊กโยนโทรศัพท์ข้ามกำแพงได้ คาดว่าได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะจากการจับกุมผู้ลักลอบยิงโทรศัพท์เข้าเรือนจำ ทราบว่าในระยะ 100 เมตรไม่สามารถยิงหนังสติ๊กเพื่อโยนโทรศัพท์เข้ามาได้
นอกจากนั้นยังมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด 16 จุด ในส่วนที่สำคัญทั้งภายใน และภายนอกเรือนจำ ซึ่งทำให้สามารถจับกุมเจ้าพนักงานเรือนจำที่ลักลอบนำยาบ้าจำนวน 695 เม็ดเข้าเรือนจำได้ที่กล้องวงจรปิด ประตู 2