ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กรมส่งเสริมการเกษตรโอ่ “จิ้งหรีด” สัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ เหตุผู้บริโภคชาวเอเชียตอบรับนิยมบริโภคสูง ชี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละกว่า 65 ล้านบาท วางกรอบพัฒนามาตรฐานระบบการเลี้ยง การแปรรูป พร้อมดึง FAO รับรองความปลอดภัยด้านอาหาร รุกตลาดส่งออกเต็มสูบ ขณะที่เกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดยอมรับตลาดตอบรับสูง พร้อมเพิ่มปริมาณการเลี้ยงรับตลาดโต
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่โรงแรม Green Hotel and Resort อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายนำชัย พรหมมีชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชื่อมโยงการผลิตการตลาดแมลงเศรษฐกิจ เรื่อง “จิ้งหรีด...แมลงที่ใช้ในการบริโภคและใช้สอย” ตามโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย มุ่งหวังให้เกิดแนวทางพัฒนาระบบการเลี้ยงจิ้งหรีดที่ได้มาตรฐาน และเป็นอาหารที่ปลอดภัยมีคุณภาพต่อผู้บริโภค และเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตการตลาดระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายนำชัย พรหมมีชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้จิ้งหรีด กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดที่มีเกษตรกรนิยมเลี้ยงจำหน่ายจำนวนมาก เพราะเป็นแมลงที่สามารถบริโภค มีคุณค่าทางอาหารสูงเทียบเท่ากับเนื้อปลาทู เนื้อไก่ มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด และจิ้งหรีดเป็นแมลงกินพืชที่ปลอดภัยจากสารพิษ เป็นแมลงที่กินพืชไวต่อสารเคมี จึงเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่มีคุณภาพ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวไทย และชาวเอเชียหลายประเทศ
ตลาดกลุ่มผู้บริโภคจิ้งหรีดขยายตัวรวดเร็วมาก ณ ปัจจุบัน จึงมีเกษตรกรสนใจหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพหลัก จากข้อมูลที่กรมส่งเสริมการเกษตรรวบรวมไว้ พบว่าขณะนี้มีผู้เลี้ยงจิ้งหรีดกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศประมาณ 20,089 ราย ผลผลิตจิ้งหรีดรวมกว่า 656 ตัน คิดเป็นมูลค่า 65,606,700 บาท มีมูลค่าส่งออกไม่ต่ำกว่า 65 ล้านบาท สร้างรายได้ให้หมู่บ้านแต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า ที่สำคัญจิ้งหรีดสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลายชนิด ทั้งคุกกี้จิ้งหรีด จิ้งหรีดกระป๋อง ส่วนใหญ่จะผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตร จะพยายามเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ผลักดันให้เกิดระบบการเลี้ยงจิ้งหรีดที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ เบื้องต้นร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนากระบวนการผลิตการแปรรูป และสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางอาหาร
ล่าสุด กรมส่งเสริมการเกษตร เตรียมร่วมมือกับองค์การอาหารโลก (FAO) ให้เข้ามารับรองในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากจิ้งหรีด ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยต่อการบริโภคจิ้งหรีด เป็นใบเบิกทางในการรุกตลาดส่งออกให้สามารถขยายตัวได้อีกมาก เพราะนอกจากชาวไทยแล้ว คนประเทศอื่นโดยเฉพาะในโซนเอเชียที่มีอยู่ทุกมุมโลกล้วนนิยมบริโภคจิ้งหรีด
ด้านนายเพ็ชร วงค์ธรรม เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด บ้านแสนตอ ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้ทดลองเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย หรือแมงสะดิ้ง มากว่า 7 ปี สามารถสร้างรายได้งดงามถึงปีละ 4-5 แสนบาท รวมในหมู่บ้านเดียวกันมีรายได้กว่า 4-5 ล้านบาท รายได้จากการเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นที่น่าพอใจ จึงทำเป็นอาชีพหลักของครัวเรือน โดยแต่ละเดือนจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อจิ้งหรีดกว่า 2 ตัน
ขณะที่ น.ส.ฐิติภัทร จันทรโส เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด ต.มะคา อ.กันทรชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า เดิมทีไม่ตั้งใจจะเลี้ยงจิ้งหรีด แต่เห็นคนในหมู่บ้านเลี้ยง และสร้างรายได้ดี จึงหันมาศึกษาการเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย หรือแมงสะดิ้ง ปรากฏว่า สามารถสร้างรายได้กว่า 15,000 บาทต่อเดือน จึงได้ทำนาควบคู่กับการเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว ปัจจุบันได้ขยายบ่อเลี้ยงจึงหรีดเพิ่มเติมอีก 10 บ่อ
การเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย หรือแมงสะดิ้ง ใช้เวลาเลี้ยง 35-40 วัน และจิ้งหรีดทองคำ ใช้เวลาเลี้ยง 30-35 วัน ทำรายได้แก่ผู้เลี้ยงทุกสัปดาห์ เฉลี่ยเดือนละประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อครัวเรือน หรือทำรายได้เข้าหมู่บ้านปีละหลายล้านบาท โดยเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมจากการทำนา หรือจะเป็นอาชีพหลักก็ทำได้