xs
xsm
sm
md
lg

ญาติคนขับรถตู้ชนสยองติดต่อขอรับศพ ชี้สภาพศพส่วนใหญ่ไหม้เกรียม ต้องรอผลดีเอ็นเอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผศ.นพ.วิรุจน์ คุณกิตติ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ญาติคนขับรถตู้ชนสยองที่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ติดต่อขอรับศพแล้ว ยันมีหลักฐานผู้ตายชอบสวมแหวนเงินหัวพลอยสีเหลืองที่นิ้วนาง เผยสภาพศพส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้เกรียม ต้องรอผลชันสูตรและหลักฐานจากทางญาติ และผลตรวจดีเอ็นเอ ก่อนส่งมอบศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่หน้าห้องตรวจศพ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุรถตู้ชนรถบรรทุกที่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เดินทางมาขอดูและรับศพของนายวีระชัย พรมสกุล อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถตู้ และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยบอกว่านายวีระชัยเป็นชาวพัทลุง แต่มาประกอบอาชีพที่กรุงเทพมหานคร ปกติจะสวมแหวนเงินหัวพลอยสีเหลืองติดนิ้วนางเป็นประจำ ซึ่งตอนนี้รอหมอและเจ้าพนักงานสอบสวนมาดำเนินการเพื่อรับศพไปทำพิธีทางศาสนา

ผศ.นพ.วิรุจน์ คุณกิตติ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากสภาพศพทั้งหมดมีสภาพถูกเผาไหม้เกรียมมาก ไม่สามารถบ่งชี้เพศหรือตัวบุคคลได้ หลักฐานที่แสดงตัวตน เช่น พาสปอร์ต หรือสิ่งอื่นที่ติดตัวมาไหม้หมด คงเหลือเฉพาะรูปพรรณสัณฐานทางนิติเวชจะรวบรวมได้ และการยืนยันจากญาติที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด เช่น ฟิล์มเอกซเรย์ฟัน ข้อมูลที่ได้จากที่เกิดเหตุยังคลาดเคลื่อนส่วนหนึ่ง การชันสูตรพลิกศพมีหลายขั้นตอน รวมทั้งต้องบอกสาเหตุการตายอย่างแท้จริงด้วย ขณะนี้สามารถแยกเพศและสาเหตุการตายได้แล้ว 10 ราย

สภาพศพที่ไหม้ส่วนใหญ่ ญาติหรือเพื่อนที่มาขอดูไม่สามารถบอกได้ มีเพียงบางรายเท่านั้น เช่น สามีชาวเวียดนามนำภาพถ่ายคู่กับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานไม่ถึงปี มาให้เปรียบเทียบกับลักษณะฟันที่มีเอกลักษณะเฉพาะ และรายที่ญาติแจ้งว่าเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี ที่มีสายรัดข้อมือหรือริชต์แบนด์ และมี 1 ศพ ที่ร่างกายไหม้เกรียมหมดทุกส่วน ไม่สามารถบ่งชี้ได้ แต่พบว่ามีสายรัดข้อมือสีฟ้าเหลือง ซึ่งเป็นสายรัดข้อมือคู่ที่มีข้อความจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วันสร้างสามัคคี มีสภาพไม่ไหม้อยู่ที่ข้อมืออย่างชัดเจน

เบื้องต้นมีประมาณ 2-3 รายที่แจ้งลักษณะเฉพาะ แต่ต้องพิสูจน์และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้สามารถจ่ายออกไปตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนที่ญาติไม่สามารถพิสูจน์ได้จะต้องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยการตรวจดีเอ็นเอตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่อไปเพื่อจะไม่ส่งศพผิดออกไป โดยจะใช้เวลาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะให้ญาติๆ ได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา



กำลังโหลดความคิดเห็น