พายุหมุนถล่มแปดริ้ว ย้ายเสาโรงรถปักลงกลางหลังคาชาวบ้าน

ฉะเชิงเทรา - เกิดเหตุพายุหมุนพัดถล่มเมืองแปดริ้ว ทำหวาดเสียวสำแดงพลัง หอบยกย้ายต้นเสาพร้อมโครงสร้างหลังคาโรงจอดรถให้เช่าปักลงกลางหลังคาบ้านเรือนชาวบ้านเสียหายยับเยิน 7 หลัง โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะเทศบาลเมืองรุดตรวจสอบ พร้อมเตรียมให้การดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น

เมื่อเวลา 20.00 น. คืนวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้เข้าตรวจสอบเหตุบ้านเรือนประชาชนถูกพายุหมุนพัดถล่มได้รับความเสียหาย 7 หลัง โดยจากการตรวจสอบพบว่า แรงของลมพายุได้พัดพายกเอาเสาไม้โครงสร้างของหลังคาโรงจอดรถขนาดใหญ่หนากว่า 5 นิ้ว ยาวถึง 4 เมตร ลอยลงมาตกใส่กลางบ้านประชาชนโดยปักลงมาตรงกลางหลังคาชั้นที่ 2 ของบ้านถึง 2 ต้น โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างช่วงรอยต่อของชุมชนวรรณยิ่ง 1 และชุมชนวรรณยิ่ง 2 (โค้งวัดแหลมใต้)

จากการสอบถามนายสุริยะ เลิศศิริ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/10 ถนนสรรประศาสน์ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เล่าถึงเหตุการณ์นาทีระทึกว่า เมื่อช่วงเย็นก่อนค่ำเวลาประมาณ 16.30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีพายุพัดผ่านพื้นที่บริเวณชุมชนดังกล่าวซึ่งน่าจะเป็นพายุหมุน เนื่องจากพัดผ่านมาเพียงวูบเดียวแต่ได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่

นอกจากนี้ พายุดังกล่าวยังหอบนำเอาหลังคาโรงจอดรถให้เช่าที่มีขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ยาวกว่า 25 เมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าชุมชนปลิวลอยลงมาตกใส่บ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียงจนได้รับความเสียหายทั้งหลัง จนทำให้หลังคากระเบื้องแตกทะลุ และมีบางหลังเสาไม้ขนาดใหญ่ลอยลงมาปักเสียบอยู่ที่กลางบ้านอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้ทำให้รถที่จอดอยู่ภายในโรงจอดเสียหายไป 1 คัน พร้อมด้วยเสาไฟฟ้า และสายไฟขาด จนไฟฟ้าในชุมชนดับ และยังคงมีกระแสไฟรั่วไหลอยู่ตลอดเวลา

ด้านนายบุญทวี สุขรัตน์อมรกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เบื้องต้นขณะนี้ทางเทศบาลได้เข้ามาดูแลประชาชนที่ประสบภัยแล้ว โดยได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเบื้องต้นไปก่อน พร้อมได้ส่งทีมช่างไฟฟ้าของทางเทศบาลเข้ามาทำงานร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ของ กฟภ.เพื่อทำการตัด และต่อสายไฟฟ้าที่ขาด และจุดที่ยังมีกระแสไฟไหลอยู่ออกด้วยเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน

เบื้องต้นพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 6-7 หลังคาเรือน ส่วนความเสียหาย และการช่วยเหลืออื่นๆ นั้นยังต้องรอดูในวันนี้ (27 พ.ค.) อีกครั้ง