กาญจนบุรี - ตำรวจกาญจนบุรี รวบ 2 โจ๋มือฆ่าถ่วงน้ำหนุ่มใหญ่วัย 56 ปี สารภาพแค้นผู้ตายปีนบ้านหวังข่มขืนแม่กลางวันแสกๆ
ความคืบหน้ากรณีพบศพ นายกะลา งามยิ่ง อายุ 56 ปี ชายชาวกะเหรี่ยงที่ราบสูง ถูกคนร้ายฆ่าโหดนำศพพร้อมรถจักรยานยนต์ไปทิ้งลงในลำคลองส่งน้ำ ในโครงการพระราชดำริฯ พื้นที่ห้วยองคต หมู่ 4 ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เพื่ออำพรางคดี พบศพเมื่อวันที่ 17 พ.ค.57 ที่ผ่านมา
ภายหลัง พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงษ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนนท์ โตงิ้ว รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร.ต.ต.อรรคเดช ม่วงแก้ว ช่วยราชการ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ด.ต.อุดร ปิ่นโรจน์ ชุดสืบสวน กก.สส. ร่วมกับ พ.ต.อ.สมเกียรติ แสวงสุข ผกก.สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.อวยพร สายลุน รอง ผกก.สส.สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.เชน พันธ์เพียร สว.สส.สภ.หนองปรือ พร้อมกำลังร่วมกันติดตามสืบสวนเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ
พร้อมทั้งสอบปากคำคนในพื้นที่ที่รู้จักกับคนตายไปหลายปาก จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้คือ นายสุชาติ หงษ์โต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 หมู่ 4 ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ และนายฉลอง เขาพระ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 5 ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และจากการสอบปากคำในที่สุดผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายกะลา และนำศพไปทิ้งในคลองจริง
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (19 พ.ค.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายสุชาติ หงษ์โต ให้การยอมรับสารภาพว่า ตอนกลางวันของวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนั้นนางป้อม แม่ของตนอยู่บ้านเพียงคนเดียว ส่วนบ้านเป็นบ้านยกสูง ต่อมานายกะลา ได้แอบขึ้นไปบนบ้าน และปลุกปล้ำหวังจะข่มขืนแม่ของตน แต่ไม่สำเร็จ และได้จับที่ขาของแม่ตนแล้วลากลงมาจากบันไดบ้าน จนพลัดตกลงมา นายกะลา ยังพยายามลากแม่ของตนเข้าไปในป่าเพื่อจะข่มขืน แต่แม่ของตนได้ร้องตะโกนเพื่อให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือ ด้วยความตกใน นายกะลา จึงได้วิ่งหลบหนีไป
จากนั้นแม่ได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนรีบกลับบ้าน และเล่าสาเหตุให้ฟัง หลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมดตนจึงเกิดความแค้นเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับนายฉลอง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ช่วงเย็นทราบว่า นายกะลา ได้ไปร่วมงานศพที่บ้านหลังหนึ่ง ด้วยความโกรธแค้นจึงร่วมกันวางแผนไปดักซุ่มอยู่ข้างทางใกล้กับบ้านงานศพไม่มากนัก
จนกระทั่งเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ ตนทั้งสองเห็นนายกะลา ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านงานศพผ่านมาตามเส้นทางที่พวกตนดักรออยู่ เมื่อนายกะลา มาถึงนายฉลอง จึงตัดสินใจวิ่งออกไปยืนขวางรถจักรยานยนต์เอาไว้ จากนั้นตนจึงใช้ท่อนไม้ที่เตรียมเอาไว้กระหน่ำตีนายกะลา อย่างไม่ยั้งมือ จนกระเด็นตกจากรถ และนายกะลาได้ร้องตะโกนเสียงดังว่ายอมแล้วหลายครั้ง หลังจากนายกะลา ลุกขึ้นมาได้จึงวิ่งหนี ตนทั้งสองคนจึงวิ่งไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด และใช้ท่อนไม้ตีเข้าที่ศีรษะอย่างแรงหลายครั้งจนนายกะลาล้มลง และเสียชีวิต
จากนั้นจึงช่วยกันอุ้มศพขึ้นไปไว้บนรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย จากนั้นจึงตนขับออกไปโดยมีนายฉลอง คอยพยุงศพของนายกะลา เอาไว้ และนำศพไปทิ้งลงในคลองส่งน้ำที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมทั้งรถจักรยานยนต์ของผู้ตายด้วย หลังจากนำศพ และรถจักรยานยนต์ทิ้งลงไปในลำคลองแล้วเสร็จ จากนั้นตนทั้งสองจึงถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดออก และเผาทำลายพร้อมกับท่อนไม้ที่ใช้ก่อเหตุเพื่อทำลายหลักฐาน
จากนั้นจึงเดินเท้ากลับบ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด ขณะเดียวกัน นายสุชาติ หงษ์โต ได้พูดระบายความแค้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คนแบบนี้สมควรตาย คนอย่างตนฆ่าได้หยามไม่ได้ ทั้งที่เป็นกลางวันแท้ๆ นายกะลา ยังกล้าที่จะขึ้นไปบนบ้าน และยังจะข่มขืนแม่ของตนอีก นี่ยังโชคดีที่แม่ของตนไม่ได้รับอันตรายขณะขัดขืน หากเป็นใครก็คงต้องตัดสินใจอย่างตนแน่นอน
รายงานว่า หลังจากผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุทันที จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป