เชียงราย - ตำรวจ ปส.-สภ.เชียงแสน พร้อม นรข.ล่าระทึก แก๊งค้ายานรกซิ่งกระบะ 2 คัน ขนไอซ์ 100 กก. มูลค่าเกินร้อยล้านซุกถุงชา เลียบชายแดนไทย-ลาวด้านเชียงแสนกลางดึก พอเจอเจ้าหน้าที่กลับเลี้ยวรถหนี จนต้องยิงยางรถสกัดรถหยุดได้ 1 คัน แต่คนร้ายกระโดดลงน้ำคำหนีไปได้ อีกคันก็ทิ้งรถหนี แต่ตามจับได้แล้ว 2 ราย
เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันนี้ (19 พ.ค.) ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ฯลฯ ที่ออกสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดตามเส้นทางตามแนวชายแดนเชียงแสน ตามคำสั่ง พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผบก. ปส.3 บช.ปส.
หลังสืบทราบจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดกับแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงแสน เข้าไปส่งที่ชั้นในของประเทศโดยอาศัยเส้นทางสายรองจากเขตเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน จะไปทางถนนเรียบแม่น้ำโขงไปทาง อ.เชียงของ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์กระบะ 2 คัน เป็นยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บว 4743 เชียงราย และรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน บห 5465 เชียงราย ขับตามกันมาจากเขตเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน ตรงกับที่ได้รับแจ้ง ขณะกำลังข้ามสะพานข้ามลำน้ำคำจะผ่านหน้าวัดพระธาตุผาเงา บ้านสบคำ ม.5 ต.เวียง อ.เชียงแสน
เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมให้สัญญาณหยุดตรวจ แต่ปรากฏว่า ถทั้ง 2 คันกลับหยุดรถ แล้วหักเลี้ยวกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่นำรถออกไล่ติดตามอย่างเร่งด่วน ก่อนใช้ปืนยิงเข้าที่ล้อยางของรถกระบะคันแรก จนรถเสียหลักจอดอยู่ข้างทางตรงคอสะพาน แต่คนในรถ และคนโดยสาร คาดว่ามี 2 คน ได้พากันเปิดประตู กระโดดหลบหนีไปที่พงหญ้าภายในลำน้ำคำ พร้อมอาศัยความมืดหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกไล่ติดตามทั้ง 2 คนและนำรถออกไล่รถคันที่ 2 ซึ่งได้ขับมุ่งหน้าไปทางถนนเลี่ยงเมืองตรงสี่แยกที่สามารถกลับเข้าเมือง หรือไปทาง อ.แม่จัน และสามเหลี่ยมทองคำได้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไปถึง พบว่า รถคันหลัง ซึ่งเป็นรถกระบะทะเบียน บห 5465 เชียงราย กลับจอดอยู่ข้างทาง ห่างจากจุดพบรถครั้งแรกประมาณ 3 กิโลเมตรและคนในรถได้พากันหลบหนีไปหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงกลับไปตรวจค้นที่รถคันแรกที่ถูกยิงล้อรถ พบที่นั่งเบาะหลังของรถมีพบกระสอบฟางที่ดัดแปลงเป็นกระเป๋าเป้แบบสะพายหลังใช้เพื่อเดินป่า จำนวน 4 ใบใหญ่ เมื่อเปิดดูภายในพบว่า บรรจุห่อชาเอาไว้เต็ม แต่ภายในกลับซุกซ่อนยาไอซ์ ชนิดเกล็ดสีขาวเอาไว้จำนวน 100 ถุง เมื่อนำออกมาชั่งน้ำหนักได้ประมาณ 100 กิโลกรัม
ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตามจับกุมคนร้ายได้ 2 คน นำตัวสอบสวนอย่างเร่งด่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผล พร้อมเตรียมออกหมายจับตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ยาไอซ์ ที่ยึดได้ครั้งนี้มีราคาจำหน่ายที่ชายแดนกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท หรือมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท แต่หากนำเข้าสู่ชั้นในของประเทศ หรือต่างประเทศจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น 3-10 เท่า