กาฬสินธุ์ - กลุ่มเอ็นจีโอนำมวลชนชาวกาฬสินธุ์ขับไล่เวทีสัมมนาอีสานได้ประโยชน์อะไรจากแก๊ส จัดโดยสำนักงานพลังงานจังหวัดและ กอ.รมน. ไม่พอใจผลการใช้พื้นที่ เนื่องจากบริษัทผู้รับสัมปทานสร้างมลพิษทางอากาศ ชาวบ้านได้รับผลกระทบ แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (14 พ.ค.) ที่หอประชุม 80 พรรษาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาฬสินธุ์ สำนักงานพลังงานจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ และนักวิชาการ ประชาชน จัดสัมมนาหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาการขุดเจาะก๊าซในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีบริษัท อพิโก้ จำกัด และบริษัท ทาเท็ก จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
แต่ในปีที่ผ่านมามีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี อำเภอเมือง ได้เดินทางเข้ามาประท้วงทางบริษัท อ้างว่าบริษัทซึ่งได้สิทธิเพียงการสำรวจแหล่งก๊าซ แต่กลับพบว่าได้นำก๊าซขึ้นไปใช้จนทำให้เกิดปัญหาก๊าซรั่ว ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
การประชุมครั้งนี้ มีนางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลงธรรมชาติ นายสิริรัฐ ชุมอุปการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธาน แต่ไม่สามารถทำการประชุมได้ เนื่องจากเมื่อเปิดการประชุมเพียงไม่ถึง 10 นาทีกลุ่มเอ็นจีโอพร้อมมวลชนกว่า 150 คน นำโดยนายภัคประกฤติ พูลพิพัฒน์ ซึ่งได้เปิดปราศรัยอยู่บริเวณข้างหอประชุม ได้บุกเข้าไปในห้องประชุมทันที ซึ่งได้สร้างความโกลาหลเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เมื่อเห็นไม่ปลอดภัย ประธานในที่ประชุมจึงประกาศยกเลิกการสัมมนา ท่ามกลางความตกใจของเจ้าหน้าที่
หลังเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักปราศรัยโจมตี และยืนยันที่จะนำชาวบ้านต่อสู้ เพื่อไม่ให้มีการสูบก๊าซในพื้นที่ ทั้งนี้มีรายงานว่าการประชุมถึงแม้จะยกเลิก แต่กลับยังหารือเกี่ยวกับปัญหานี้ และยังคงเดินหน้าที่จะทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ต่อไป
นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลงธรรมชาติ กล่าวว่า ที่ต้องมาทำความเข้าใจ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มเอ็นจีโอได้ทำการสัมมนาเกี่ยวกับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งกลุ่มเอ็นจีโอได้นำข้อมูลเสนอเพียงด้านเดียว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดการต่อต้าน และขยายผลเข้าไปในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์
ปัญหาเป็นเพราะกลุ่มเอ็นจีโอได้บิดเบือนข้อมูล และได้เริ่มปลุกปั่นชาวบ้าน ทั้งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจ ยังไม่พบปัญหาใดๆ แต่เมื่อมีการปลุกปั่นในเรื่องของข้อมูลก็ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งที่ความจำเป็นในการหาแหล่งพลังงานทดแทนถือว่าเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาประเทศ จึงต้องการให้ประชาชนได้เข้าใจในเรื่องนี้ด้วย