พบบ้านพังเพิ่มกว่าร้อย-บ่อน้ำเขตดินไหวยังแห้งสนิท แผ่นดินแยกโผล่เพิ่มอีก

เชียงราย - พบแผ่นดินไหว-อาฟเตอร์ช็อก ทำบ้านเรือนชาวบ้านพังเพิ่มจนอยู่ไม่ได้กว่า 100 หลังคา จากเดิมที่พบ 46 หลัง จังหวัดฯขอลดยอดตายเหลือ 1 ตัดคนแก่วัยกว่า 90 สิ้นลมหลังวันเกิดเหตุออก เผยเหยื่อดินไหวหลายพื้นที่ขาดน้ำ อาหาร หลังน้ำบ่อแห้งเหือด และมีรอยแยกโผล่เพิ่ม

วันนี้ (12 พ.ค.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาแผ่นดินไหว ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.เชียงราย เพื่อสรุปการดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน ใน 7 อำเภอที่ประสบกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวแรง 6.3 ริกเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา

นายประจญกล่าวว่า หลังมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง และทางจังหวัดฯ ระดมวิศวกร-ช่างในท้องถิ่นออกสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พบว่ามีบ้านเรือนที่เกิดรอยร้าวจนกระทบโครงสร้างเพิ่มเป็น 116 หลัง จากเดิมที่พบบ้านพังเสียหายทั้งหลัง หรืออยู่อาศัยไม่ได้ 46 หลัง และบ้านที่เสียหายบางส่วน มีอยู่ 8,935 หลัง วัด 99 แห่ง โบสถ์คริสต์ 7 แห่ง โรงเรียน 35 แห่ง ฯลฯ

ส่วนผู้เสียชีวิตที่เคยมีการระบุว่ามีจำนวน 2 คนนั้น ทางจังหวัดเห็นว่าควรพิจารณาให้เหลือเพียง 1 คน เนื่องจากในวันเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเพราะฝาบ้านพังทับอย่างชัดเจนคือ นางแสง รินคำ อายุ 83 ปีชาว ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว

รายที่ 2 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขระบุในรายงานครั้งล่าสุดมีอายุกว่า 90 ปี และช่วงเกิดแผ่นดินไหวไม่ได้เสียชีวิต และสุขภาพยังดีอยู่ แต่มาเสียชีวิตในเช้าของวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งยังไม่สามารถระบุให้ชัดเจนว่าเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวได้อย่างไร

ด้านผู้บริหารจากสำนักงานการศึกษาที่เข้าร่วมประชุมด้วยทุกเขตแจ้งต่อที่ประชุมว่า พื้นที่ที่เสียหายอย่างหนักคือ เขตพื้นที่การศึกษาเขต 2 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อ.แม่ลาว และ อ.พาน มีโรงเรียนประถมศึกษาที่เสียหายกว่า 52 แห่ง อาคารเรียนเสียหาย 132 แห่ง ซึ่งยังไม่รวมเรื่องความเสียหายของครุภัณฑ์ต่างๆ และมีการแจ้งไม่ให้เข้าไปในอาคารเพื่อความปลอดภัยจำนวน 17 แห่ง

สำหรับโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่เสียหายอย่างหนักคือ โรงเรียนแม่ลาววิทยาคม อ.แม่ลาว โดยอาคารหลักเสียหายหมด 3 หลัง และโรงเรียนพานพิทยาคม อ.พาน ก็เสียหายใกล้เคียงกัน จึงเกรงว่าจะกระทบต่อนักเรียนโรงเรียนแม่ลาววิทยาคมที่ต้องใช้อาคารประมาณ 600 คน และโรงเรียนพานพิทยาคมประมาณ 1,000 คน

ทั้งนี้ เนื่องจากใกล้ช่วงเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.นี้แล้ว ซึ่งแม้ว่าหลายแห่งจะเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไปเป็นปลายเดือน แต่ก็ต้องมีอาคารเรียนชั่วคราวไว้รองรับคาดว่าใช้งบประมาณร่วม 32 ล้านบาท โดยแต่ละหน่วยงานได้เสนอของบประมาณไปแล้ว รวมทั้งมีภาคเอกชนบางราย เช่น ผู้บริหารอมตะนครที่เข้าไปช่วยเหลือที่โรงเรียนแม่ลาววิทยาคม เป็นต้น

นายประจญกล่าวว่า กรณีสถานศึกษาถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะนักเรียนกำลังจะเปิดภาคเรียน การที่ทางอมตะนครมาช่วยจึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก ทางจังหวัดจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังภาคเอกชนและผู้ใหญ่ใจบุญต่างๆ ที่ประสงค์จะให้การช่วยเหลือซ่อมแซม หรือสร้างอาคารเรียนชั่วคราวให้นักเรียนที่ยังไม่มีสถานที่เรียนเข้าช่วยเหลือได้โดยตรงหรือประสานผ่านอำเภอและจังหวัด เพื่อประสานงานได้ทันที

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนอกจากจะทำให้อาคาร สิ่งปลูกสร้างเสียหายแล้ว ขณะนี้ยังทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดปรากฏการณ์น้ำพุเดือดหรือน้ำปนทรายละเอียดพุ่งจากผิวดินช่วงวันเกิดแผ่นดินไหว เช่น บ้านสันกันแฮ้ว ม.4 ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว บ้านห้วยหวาย ม.2 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว ฯลฯ จนบ่อน้ำชาวบ้านแห้งสนิทมาจนถึงขณะนี้ จนต้องตั้งจุดรับบริจาคน้ำดื่ม-อาหารรวมทั้งของใช้อื่นๆ ตามรายทางด้วย

ขณะที่บ้านทุ่งฟ้าผ่า ม.7 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย ก็เกิดรอยแยกของดินเป็นทางยาวขึ้นมาในช่วงอาฟเตอร์ช็อก และทำให้บ่อน้ำตื้นของชาวบ้านกว่า 10 บ่อแห้ง หรือบางแห่งมีทรายเต็มบ่อจนใช้การไม่ได้ด้วย