บุรีรัมย์ - สพม.เขต 32 และ สพป.เขต 4 บุรีรัมย์ ตั้ง กก.สอบครูเพิ่มอีก 2 คนที่มีชื่อเข้าสอบบรรจุครูผู้ช่วย และทั้งสองเป็นญาติพี่น้องกับ ผอ.ร.ร.ที่เข้าสอบแข่งขันด้วยเพื่อหาข้อมูลหลักฐานมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการทุจริตสอบครูหรือไม่ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบเชิงลึกเพื่อสาวหาแก๊งเรียกรับเงิน 2 แสนแลกสอบบรรจุครู
วันนี้ (22 เม.ย.) นายกิตติ บุญเชิด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 จ.บุรีรัมย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่มีชื่อ นายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เข้าสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมาจนเป็นข่าวแพร่สะพัดและสร้างความประหลาดใจให้แก่หลายคนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่สนามสอบ จ.สมุทรสาคร เพื่อหาข้อมูลหลักฐานของทางคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ได้แต่งตั้งขึ้น
ส่วนพบมีชื่อของ นายชุมพล ศุภเลิศ ซึ่งเป็นข้าราชการครู อยู่ที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ และนายธนกฤต ศุภเลิศ ที่เป็นข้าราชการครู อยู่โรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 มีชื่อเข้าสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยที่ จ.นนทบุรี และทั้งสองยังเป็นญาติพี่น้องกับนายพิทักษ์ ผอ.โรงเรียนบ้านหนองไทรด้วยนั้น ทางเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32 และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ในฐานะต้นสังกัดก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงครูทั้ง 2 คนแล้ว เพื่อหาข้อมูลหลักฐานทั้งที่สนามสอบ จ.นนทบุรี รวมถึงโรงเรียน และภูมิลำเนา ว่าทั้งสองมีพฤติกรรมเชื่อมโยงที่ส่อไปทางทุจริตหรือไม่
พร้อมทั้งจะเรียกตัวมาสอบถามถึงเหตุผลที่ไปสอบ และได้ขออนุญาตจากต้นสังกัดตามระเบียบหรือไม่ โดยจะมีการสอบสวนอย่างละเอียด และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และคาดว่าผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในความสนใจของสังคม ทั้งนี้ หากพบมีการกระทำทุจริตจริงก็จะต้องลงโทษทั้งทางวินัย และกฎหมาย
นายกิตติกล่าวอีกว่า กรณีที่มีกระแสข่าวเรียกรับเงิน 2 แสนเพื่อแลกกับการสอบบรรจุครูผู้ช่วยนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้นิติกรประจำเขตฯ ประสานความร่วมมือกับ ผอ.โรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ อ.สตึก ที่มีรายงานว่ามีการเรียกรับเงิน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึก ทั้งในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน เพื่อสาวหาตัวกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพที่หลอกลวงเรียกรับเงินตามที่ได้รับรายงาน ซึ่งจากการลงพื้นที่ในเบื้องต้นก็ยังไม่พบเบาะแสของแก๊งดังกล่าว แต่หากพบมีการหลอกเรียกรับเงินกับผู้เข้าสอบจริงจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
