ลำปาง - เสื้อแดงลำปาง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม บุกสนามบินค้นห้องวีไอพี แถมบีบบังคับพนักงานบางกอกแอร์เวย์ส เปิดชื่อผู้โดยสารตามหา “กกต.สมชัย” ไร้เงาตำรวจ-รปภ.เข้าป้องปราม จนทำให้คนบ้านใกล้สนามบินทนไม่ไหว ปีนรั้วโชว์บัตรพนักงาน กฟผ.-เป่านกหวีดไล่ จนโดนด่ากลับอย่างหยาบคาย
บ่ายวันนี้ (19 เม.ย.) นายศุภฤกษ์ จันทราฤทธิ์ นางธมลวรรณ จินากุล แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง นำมวลชนคนเสื้อแดงลำปาง ประมาณ 30 คน พร้อมรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง เปิดเพลงเสียงดังลั่่นจอดอยู่หน้าอาคารภายในท่าอากาศยานลำปาง
พร้อมชูป้ายเขียนข้อความด่าทอ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการเลือกตั้ง ขณะที่บางคนถือตีบตบ เข้าไปในตัวอาคารที่พักผู้โดยสาร พร้อมเดินตรวจสอบรอบอาคาร ทั้งห้องพักรับรอง VIP และห้องต่างๆ หลังทราบข่าวเพียงว่า นายสมชัย จะเดินทางมาลำปางในวันนี้
หลังคนเสื้อแดงเดินตรวจสอบภายในอาคารทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่มีผู้โดยสารชื่อนายสมชัย เดินทางมา แต่คนเสื้อแดงก็ไม่ยอมเชื่อ ยังต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่า ปกปิดข้อมูล พยายามไปยืนปิดทางเข้าออกประตูผู้โดยสาร ทำให้เกิดความวุ่นวาย และสับสนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ รปภ. มากัน หรือห้ามปรามแต่อย่างใด
สุดท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังไม่ยอมฟังการอธิบายใดๆ และได้บังคับให้เจ้าหน้าที่ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่เปิดให้บริการที่จังหวัดลำปาง เปิดข้อมูลรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดในระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทให้คนเสื้อแดงได้ตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรายชื่อผู้โดยสารที่ชื่อ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร โดยสารมาที่จังหวัดลำปาง จนเป็นที่พอใจ กลุ่มคนเสื้อแดงจึงยอมถอนตัวออกจากท่าอากาศยานลำปางไป
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังจะเดินทางกลับ เนื่องจากได้มีการเปิดรถเครื่องเสียงดังสนั่นอยู่หน้าอาคารเป็นเวลานาน ทำให้ชาวบ้านซึ่งเป็นชายวัยประมาณ 50 ปี ที่อยู่บ้านติดกับรั้วของท่าอากาศยาน ไม่พอใจ ปีนรั้วตะโกนต่อว่า พร้อมกับนำบัตรประจำตัวของพนักงาน กฟผ. โชว์ให้ดู และเป่านกหวีดไล่ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่พอใจ ตะโกนด่าด้วยถอยคำหยาบคายต่างๆนานา นานกว่า 10 นาที ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ
ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ ผู้ให้บริการสายการบินเพียงบริษัทเดียวที่จังหวัดลำปาง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า เหตุการณ์ในวันนี้จริงๆ ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ หากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในสนามบินทราบล่วงหน้าว่า จะมีกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผู้โดยสารเดินทางมาเพื่อก่อกวน หรือสร้างความวุ่นวายก็น่าจะป้องกัน หรือกระทำการบางอย่างได้ ไม่น่าจะปล่อยให้เข้าไปถึงภายในอาคาร
แต่ขณะเกิดเหตุมี รปภ.ประจำเพียง 1-2 นายเท่านั้น เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปภายในอาคารแล้ว ทางสายการบินซึ่งเพียงมีพนักงานจำหน่ายตั๋ว และตรวจสอบสัมภาระประมาณ 2-3 คนเท่านั้น จึงไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสาร ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นเรื่องที่ปกปิด แต่เมื่อเจอเหตุการณ์ในลักษณะนั้น พนักงานก็จำเป็นต้องยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลผู้โดยสาร เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย
ทั้งนี้ อยากฝากถึงทางสนามบิน และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในสนามบินว่า ควรจะมีความเข้มงวดให้มากกว่านี้ และเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดตามมาอีก ส่วนบริษัทจะได้มีการประชุมเพื่อวางมาตรการป้องกันในเรื่องดังกล่าวกล่าวกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เนื่องจากเกรงจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสาร
