กาญจนบุรี - ผกก.กาญจนบุรี เร่งสอบพยาน 7 ปาก เหตุการณ์ยิงลูกชายกำนันดังตำบลเขาน้อย และเป็นหลานชายอดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี หน้าผับ พร้อมจัดชุดสืบสวนไล่ล่าคนร้าย คาดรู้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายณัฏฐวุฒิ แม้นทิม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/10 หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ลูกชายนายชูชาติ แม้นทิม กำนันตำบลเขาน้อย อ.ท่าม่วง และเป็นหลายชายของนายชูศักดิ์ หรือ ส.จ.เจี๊ยบ แม้นทิม อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้จักของชาวจังหวัดกาญจนบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 7.65 เข้าที่เหนือคิ้วขวา กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส แพทย์ รพ.พหลพลพยุเสนา ได้ช่วยเหลือชีวิตด้วยการผ่าเอาหัวกระสุนออก ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาการยังโคม่า ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เหตุเกิดที่ลานจอดรถหน้าผับของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้เรียกทีมงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ชุดคลี่คลายคดี ร่วมกันวางแผนประกอบด้วย พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สวป.สภ.พนมทวน ช่วยราชการงานสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ต.อุทัย อินทรักษ์ สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ เจ้าของคดี เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุม สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชม.จึงเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ เปิดเผยภายหลังว่า การติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว และเราได้สอบปากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด 7 ปาก และหลังจากที่เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ ถึงแม้ภาพจะไม่ชัดเจน แต่สามารถนำมาประมวลเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี และจากการประมวลภาพอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่มีความเห็นพร้อมกันว่า นายณัฏฐวุฒิ น่าจะถูกลูกหลง
ส่วนผู้ก่อเหตุคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาเที่ยวที่ผับดังกล่าว ซึ่งเราได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เพื่อแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ และจะตรวจสอบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาเที่ยววันนั้นมีใครบ้าง
หากพบบุคคลต้องสงสัยก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำทันที แต่ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่เสียก่อน และคาดว่าอีกไม่นานจะรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างแน่นอน และหากได้หลักฐานที่ชัดเจนเมื่อไหร่จะเร่งขออนุมัติหมายจับทันที และหากเป็นไปได้ขอให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ และทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุขอให้มาพบตนเป็นการส่วนตัว ซึ่งจะปิดรายชื่อผู้ให้ข้อมูลเอาไว้เป็นความลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายณัฏฐวุฒิ แม้นทิม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/10 หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ลูกชายนายชูชาติ แม้นทิม กำนันตำบลเขาน้อย อ.ท่าม่วง และเป็นหลายชายของนายชูศักดิ์ หรือ ส.จ.เจี๊ยบ แม้นทิม อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้จักของชาวจังหวัดกาญจนบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 7.65 เข้าที่เหนือคิ้วขวา กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส แพทย์ รพ.พหลพลพยุเสนา ได้ช่วยเหลือชีวิตด้วยการผ่าเอาหัวกระสุนออก ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาการยังโคม่า ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เหตุเกิดที่ลานจอดรถหน้าผับของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้เรียกทีมงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ชุดคลี่คลายคดี ร่วมกันวางแผนประกอบด้วย พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สวป.สภ.พนมทวน ช่วยราชการงานสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ต.อุทัย อินทรักษ์ สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ เจ้าของคดี เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุม สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชม.จึงเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ เปิดเผยภายหลังว่า การติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว และเราได้สอบปากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด 7 ปาก และหลังจากที่เราได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ ถึงแม้ภาพจะไม่ชัดเจน แต่สามารถนำมาประมวลเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี และจากการประมวลภาพอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่มีความเห็นพร้อมกันว่า นายณัฏฐวุฒิ น่าจะถูกลูกหลง
ส่วนผู้ก่อเหตุคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาเที่ยวที่ผับดังกล่าว ซึ่งเราได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เพื่อแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ และจะตรวจสอบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาเที่ยววันนั้นมีใครบ้าง
หากพบบุคคลต้องสงสัยก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำทันที แต่ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่เสียก่อน และคาดว่าอีกไม่นานจะรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างแน่นอน และหากได้หลักฐานที่ชัดเจนเมื่อไหร่จะเร่งขออนุมัติหมายจับทันที และหากเป็นไปได้ขอให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ และทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุขอให้มาพบตนเป็นการส่วนตัว ซึ่งจะปิดรายชื่อผู้ให้ข้อมูลเอาไว้เป็นความลับ
