พิจิตร - อดีต ส.ส.-บิ๊ก ปชป.เรียงหน้ายันไม่ลงเลือกตั้งแน่หากปมปัญหาระหว่างรัฐบาล-กปปส.ไม่เคลียร์ ชี้เลือกตั้งไปไม่มีประโยชน์ สุดท้ายไม่โมฆะก็ยุบสภา หรือถูกม็อบไล่ ย้ำทุกพรรคต้องหาเสียงได้ทั่วราชอาณาจักร
ห้วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน วัย 79 ปี ซึ่งเป็น ส.ส.เขต และแบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ 12 สมัย เปิดบ้าน “ภรณ์ไพฑูรย์” ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร ให้ผู้นำท้องถิ่นและหัวหน้าส่วนราชการที่นำโดยนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ พิจิตร และ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร รดน้ำดำหัวขอพร ท่ามกลางนักการเมืองทั้งระดับชาติ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่เดินทางไปร่วมพิธีเกือบ 2 พันคน
นอกจากนี้ อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นพ.ณรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย นายสงกรานต์ จิตรสุทธิภากร อดีต ส.ส.นครสวรรค์ นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ อดีต ส.ส.สุโขทัย ที่ล้วนเป็นแกนนำคนสำคัญของ ปชป.ก็เดินทางมาร่วมด้วย
นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กกต.จะประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นใหม่ในเร็ววันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ว่า ที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามชอบกล่าวหาว่าประชาธิปัตย์เป็นตัวปัญหานั้น ต้องขอบอกว่าประชาธิปัตย์เป็นนักต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย ถ้ามีการเลือกตั้งก็พร้อมสู้อยู่แล้ว และไม่เคยทำตัวเป็นปัญหากับระบอบประชาธิปไตย
แต่ปัจจุบันนี้การเมืองเป็นปัญหา ระหว่างกลุ่ม กปปส.กับรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะความจริงกระจ่างแจ้งว่ารัฐบาลบริหารประเทศ และนโยบายผิดพลาด รวมถึงปล่อยให้มีการทุจริตในหลายเรื่อง จึงทำให้ประชาชนมาร่วมกับกลุ่มของ กปปส.ขับไล่รัฐบาล เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
ถ้า กกต.ประกาศให้มีการสมัครรับเลือกตั้งขึ้นใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมสู้ในทุกสนาม แต่ต้องเป็นภาวะที่บ้านเมืองสงบสุข มีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบจริงๆ ไม่ใช่ประชาธิปไตยอยู่ในมือใครข้างใดข้างหนึ่ง เพราะถ้าเป็นแบบนี้อีกฝ่ายหนึ่งไปหาเสียงภาคใต้ก็ถูกเป่านกหวีดไล่ อีกฝ่ายหนึ่งไปหาเสียงภาคเหนือก็ถูกเผาเวที เอาไข่ปา เอาขวดน้ำขว้างปาบนเวที ติดตั้งเครื่องขยายเสียงด่ากันไปด่ากันมา ถ้ามีสภาพแบบนี้เลือกตั้งไปก็ไม่จบ
“ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ ทุกฝ่าย ทุกพรรคหาเสียงไม่ได้ทั่วราชอาณาจักร พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะยังไม่ส่งผู้สมัครลงเข้าสู่ระบบการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน”
ขณะที่นายสัมพันธ์ก็เปิดใจในทำนองเดียวกันว่า ตนและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับมติของพรรคที่ว่า ถ้ายังไม่มีการพูดคุยกันระหว่าง กปปส. กับรัฐบาล จนได้ข้อยุติว่าทุกอย่างจะเกิดความสงบ ก็จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งที่จะมีขึ้นใหม่
ส่วนที่ว่าถ้าไม่ลงสมัครแล้วจะมีคนมาแย่งตำแหน่ง ส.ส.ในพื้นที่นั้นตนไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะถ้าใครได้เป็น ส.ส.โดยที่ยังไม่มีการปฏิรูป เป็นได้ไม่กี่วันก็ต้องมีอันเป็นไปทางการเมือง
“จะมีประโยชน์อะไรถ้าสิ่งที่ได้สิ่งที่เป็นไม่จีรังมั่นคง ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เลือกตั้งไปถ้าไม่โมฆะ ก็ยุบสภา หรือไม่ก็เจอเดินขบวนขับไล่ สู้พวกเราไม่ลงสมัครจะดีกว่า แต่ถ้าบ้านเมืองสงบทุกคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างเต็มที่และเต็มใจ”
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ปชป.พิษณุโลก ผู้เกาะติดโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล กล่าวว่า นโยบายรับจำนำข้าวที่รัฐบาลบอกว่าจะป้องกันการทุจริตอย่างจริงจัง เป็นเพียงลมปากที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง รวมถึงการพักชำระหนี้ของเกษตรกรก็เช่นกัน เอาเข้าจริงรัฐบาลทำไม่ได้
“อยากแนะนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าควรยอมรับความจริงว่าทุกอย่างที่เป็นนโยบายทักษิณคิดเพื่อไทยทำนั้นมันมีการทุจริตอยู่ในทุกขั้นตอน เป็นโครงการที่ล้มเหลว รวมถึงโครงการรับจำนำข้าว เป็นการทำลายตลาดการส่งออก ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็ง แล้วไปสร้างพยานเท็จขึ้นมา จะไม่เป็นผลดีแก่ตัวเองเลย”
นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า ด้วยความเป็นห่วง อยากจะฝากบอกใครที่คิดจะมาเป็นพยานในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเท่ากับเป็นพยานให้กับโจรว่าต้องคิดให้รอบคอบ เพราะการเข้าสู่กระบวนการไต่สวนต้องมือสะอาด ใจสุจริต ถ้ามาเพื่อช่วยกันปกปิด หรือให้การเท็จ สุดท้ายก็จะต้องโดนคดีอาญาในข้อหาให้การเท็จเป็นการจ่อเข้าคุกโดยไม่รู้ตัว